ไม่พบผลการค้นหา
ฝ่ายค้านเดือดซัด พปชร.-ส.ว.ยื้อโหวตแก้ รธน.ชงศาล รธน.ตีความ ย้ำใครจริงใจแก้ ชี้มติรัฐสภาสะท้อน รปห.ฉีกง่ายกว่าแก้ไข ยกนายกฯ เคยรับปากแต่ไม่จริงใจ

วันที่ 9 ก.พ. 2564 ที่รัฐสภา ตัวแทน 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านสภาผู้แทนราษฎร พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงภายหลังที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเห็นชอบให้รัฐสภาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพื่อวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

โดย สมพงษ์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมโหวตครั้งนี้ได้พยายามทำเต็มที่ เพราะเราเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีความจำเป็นต้องแก้ไข อย่างไรก็ตามญัตติที่เกิดขึ้นบ่งชัดว่าเป็นการกระทำเพื่อยื้อให้ยาวไปหรือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงอยากให้สื่อมวลชนนำรายละเอียดส่วนนี้ออกมา ว่าพรรคที่เห็นด้วยกับญัตติดังกล่าวนี้คือใคร โดยคาดว่า คือสมาชิกวุฒิสภา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบดู รวมถึงพรรคที่เคยรับปากกับประชาชนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นชัดว่าใครมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญบ้าง

ขณะที่ พิธา กล่าวว่า การลงมติดังกล่าวชัดเจนแล้วว่ารัฐธรรมนูญไทยฉีกง่ายกว่าแก้ไข ซึ่งรัฐธรรมนูญไทย 20 ฉบับ 17 มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร และ 3 ฉบับมาจากรัฐสภาและประชาชน ดังนั้นเราควรพิสูจน์ว่าประเทศไทยยังมีดุลอำนาจทั้ง 3 อยู่ คือ อำนาจบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการ แต่ผลการโหวตวันนี้ชัดเจนว่า เกิดจากผลพวงรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ต่างกับรัฐธรรมนูญฉบับอื่น ที่เมื่อมีความขัดแย้งระหว่างองค์กรต่างๆ เช่น รัฐสภากับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็สามารถส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตีความอำนาจของหน่วยงานนั้นๆ ได้ แต่รัฐธรรมนูญ 2560 กลับบอกว่า แม้ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆระหว่าง ครม.กับรัฐสภา หรือ ครม.กับองค์กรอิสระ ก็สามารถยื่นให้ฝ่ายตุลาการวินิจฉัยอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติได้

“การกระทำดังกล่าวนี้ คือการพาประเทศไปสู่ทางตัน และเป็นการบอกกับประชาชนว่า ประชาชนไม่มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของตัวเอง เป็นการส่งสัญญาณว่าถ้าจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ต้องมาจากรัฐธรรมนูญชั่วคราว และการจะมีรัฐธรรมนูญชั่วคราวได้ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ และการจะฉีกรัฐธรรมนูญได้ต้องมีการรัฐประหารเท่านั้น นี่คือการส่งสัญญาณไปทั่วโลกว่าการจะมีรัฐธรรมนูญของประเทศไทยต้องมาจากวงจรรัฐประหารเท่านั้น ดังนั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านและทุกพรรคการเมืองต้องยืนยัน ว่าอำนาจของรัฐสภาที่ได้รับมอบหมายจากประชาชนมีอำนาจชอบธรรมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” พิธา กล่าว

ด้าน ประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ผลคะแนนได้ชี้ให้เห็นแล้วว่ารัฐบาลขาดความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้พูดต่อรัฐสภาเมื่อเดือนธ.ค. ปี 2563 ว่าจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นในปี 64 หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนม.ค. 2565 แต่วันนี้ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทำสิ่งที่รับปากไว้กับประชาชน สิ่งที่นายกฯ พูดเป็นแค่ลมปาก พรรคฝ่ายค้านและประชาชนจึงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก แต่เราจะเดินหน้าสู่ต่อไป และจะรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาเป็นอย่างไร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง