วันที่ 18 ก.ย. ที่อาคารรัฐสภา ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่พรรคก้าวไกล อาจจะมีมติขับ ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ สส.พิษณุโลก พ้นจากการเป็นสมาชิก เพื่อไปสังกัดพรรคเป็นธรรม แล้วเปิดทางให้พรรคก้าวไกล สามารถทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้
โดย ครูมานิตย์ ระบุว่า ขอให้พรรคก้าวไกล และ ปดิพัทธ์ คิดให้ดี และอดทนรอ เพราะหากพรรคก้าวไกลจะตัดสินใจขับ ปดิพัทธ์ ก็จะยิ่งกว่าละคร และในอนาคต ปดิพัทธ์ ก็อาจจะลำบากในการทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะการถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น จะต้องขัดมติพรรคอย่างรุนแรง เป็นตราบาป ยิ่งกว่าการฆ่าตัวตายทางการเมือง และยิ่งกว่าการโดนไล่ออกจากโรงเรียน
"หากผมเองถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ก็ถึงขั้นเลิกเล่นการเมืองได้ เพราะมีปัญหาเรื่องความสง่างาม เสียเกียรติ เสียศักดิ์ศรี และไม่อยากให้พรรคก้าวไกลใช้กติกาแบบนี้ ทั้งที่ประกาศจะทำการเมืองแบบใหม่ แต่กลับเลี่ยงบาลี"
"หากวันใดผมเมาอากาศในสภา ก็อาจจะทวงถามความสง่างาม จริยธรรม และศักดิ์ศรีของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่อยู่บนบัลลังก์การประชุมก็ได้ เพราะผมเองถือเป็นหนึ่งเสียง ที่ลงมติให้ ปดิพัทธ์ เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะก่อนหน้านี้ ผมเองก็รับไม่ได้ กับการแต่งกายของ ปดิพัทธ์ ที่ไม่ผูกเนคไท ซึ่งผมก็ได้ไปคุยเป็นการส่วนตัวมาแล้ว เพราะ ปดิพัทธ์ ทำหน้าที่อยู่บนบัลลังก์การประชุม จึงจะต้องรักษาเกียรติภูมิของ สส.ที่ลงมติให้ไปทำหน้าที่ด้วย"
เช่นเดียวกับกรณีที่ ปดิพัทธ์ เตรียมจะเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศสิงคโปร์นั้น ครูมานิตย์ ระบุว่า เป็นสิทธิ์ของ ปดิพัทธ์ ที่จะใช้งบประมาณของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปศึกษาดูงาน ซึ่งถือว่าไปในนามประเทศไทย และหากถูกสื่อมวลชนต่างชาติ สอบถามถึงประเด็นกรณีที่พรรคมีมติขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ปดิพัทธ์ จะอายหรือไม่ ดังนั้น ปดิพัทธ์ และพรรคก้าวไกล จะต้องคิดให้หนัก
ครูมานิตย์ ยังกล่าวถึงการพิจารณาแบ่งสรรตำแหน่งประธานกรรมาธิการสามัญ สภาผู้แทนราษฎร โดยยืนยันว่า ภายในสัปดาห์นี้จะต้องเสร็จสิ้น และเชื่อว่าจะสามารถเจรจากันด้วยดี แต่หากไม่สามารถมีข้อยุติกันได้ ก็อาจจะต้องใช้วิธีการจับสลาก หรือให้มีการลงมติเลือกกันเองอย่างอิสระในกรรมาธิการชุดที่มีปัญหา