ไม่พบผลการค้นหา
รองนายกรัฐมนตรีเชื่อพรรคการเมืองหาเสียงทันเลือกตั้ง แม้จะเหลือเวลาหาเสียงแค่ 70 วัน ยกตัวอย่าง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ใช้เวลาแค่ 49 วัน ยังชนะการเลือกตั้ง

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า ระยะเวลา 70 วันหลังปลดล็อกทางการเมืองเพียงพอที่จะให้พรรคการเมืองหาเสียงเลือกตั้งได้ เพราะในอดีตที่ผ่านมาเคยให้เวลาหาเสียงเพียง 40 วัน อย่างกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ใช้เวลาหาเสียงเพียง 49 วันเท่านั้น

ด้านนางสาวภคอร จันทรคณา ว่าที่โฆษกพรรคไทยศรีวิไลย์ เปิดเผยว่า ตนทราบมาว่าทาง คสช. จะปลดล็อคช่วงเดือน ธ.ค. 2561 ทำให้เหลือเวลา 60 วันในการหาเสียง แต่ตนและพรรคเชื่อว่าจะสามารถทำได้ทันเวลา เนื่องจากก่อนหน้านี้ คสช. ก็จะคลายล็อกให้พรรคการเมืองหาสมาชิกพรรค หาผู้สมัคร ส.ส. และประชุมพรรคได้ก่อนแล้ว

โดยส่วนตัวเชื่อว่าอาจจะมีงานบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 10 ขึ้น ในช่วงเวลานั้น ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เคยแจ้งกับประชาชนแล้วเกี่ยวกับเงื่อนไขการเลือกตั้งช้าหรือเร็วมีหลายปัจจัย ถ้าเป็นจริงในเร็ววันก็จะเป็นสิ่งที่เป็นมงคลยิ่งของพสกนิกรปวงชนชาวไทย และจะทำให้ระยะเวลาการเลือกตั้งนั้นก็เลื่อนออกไป ทำให้พรรคใหม่มีเวลาในการหาเสียงมากขึ้น ส่วนข้อกฏหมายต่างๆ นั้นที่เป็นเงื่อนเวลา ก็ใช้เทคนิคและวิธีการทางกฎหมายของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าทำได้

นอกจากนี้ นางสาวภคอรยังอยากฝากถึงพรรคอนาคตใหม่และทุกพรรคการเมืองให้ใจเย็นๆ

อนุสรณ์.jpg

พท. แนะ ควรให้เวลาพรรคการเมืองจัดทำนโยบายอย่างเหมาะสม 

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี แกนนำรัฐบาลคสช. ระบุว่า พรรคการเมืองมีเวลาเหลือเฟือ 70 วัน ช่วงหาเสียง และเตรียมจัดทำนโยบาย ว่า รัฐบาล คสช. ต้องทำความเข้าใจว่า เรื่องนี้มีมุมมองที่สำคัญ 2 ประเด็น ประเด็นการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งใน 70 วันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และหวังว่าในช่วงเวลาดังกล่าวรัฐบาลจะไม่ปิดกั้นการหาเสียง การสื่อสารนโยบายถึงประชาชน โดยเฉพาะทางโซเชียลมีเดีย ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0

ส่วนการจัดทำนโยบาย รัฐบาลต้องให้เวลาในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม จะไปเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งทั่วไปก่อนหน้านี้ไม่ได้ เนื่องจากช่วงระยะเวลา 4 ปีเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ในช่วงสถานการณ์พิเศษ ไม่สามารถทำกิจกรรมหรือเดินสายพบปะประชาชน เพื่อรับทราบความต้องการของประชาชนที่อยากให้นโยบายของพรรคการเมืองแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ตนเชื่อว่าหากปลดล็อกเพื่อให้พรรคการเมืองสามารถมีช่องทางในการรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนไม่น่าจะมีพรรคการเมืองใด กระทำการฝ่าฝืนประกาศคำสั่งหรือกฎหมายจนนำไปสู่ความวุ่นวาย เพราะที่สุดก็จะถูกใช้เป็นข้ออ้างในการเลื่อนหรือล้มการเลือกตั้งในที่สุดหรือไม่ ที่สำคัญถ้าทุกฝ่ายเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ลดความหวาดระแวงระหว่างกัน บ้านเมืองก็จะสามารถเดินหน้าไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์ จัดทำนโยบายที่ตอบโจทย์และแก้ปัญหาของประเทศชาติและพี่น้องประชาชนได้ตรงตามความต้องการสูงสุด นำไปสู่การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :