นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ระบุในงาน "Future Thailand ร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศเพื่อความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน" ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ว่า นวัตกรรมชิ้นสำคัญของรัฐบาลคือการผลักดันยุทธศาสตร์ชาติให้กับประเทศไทยในอีก 20 ปีข้างหน้า เพื่อทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น หากไม่มียุทธศาสตร์ชาติจะทำให้ประเทศพัฒนาช้ากว่าประเทศอื่น

"โครงการรถไฟใต้ดินเรามีผังมากี่ปีแล้ว 17 ปี จนกระทั่งเซี่ยงไฮ้ส่งคนมาดูงานประเทศไทย ขอดูเป็นขวัญตา เขาดูเสร็จเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เรากลับไปดูงานบ้านเขาบ้าง ปรากฎเขาวางผังเสร็จไปแล้ว 11-12 สาย ตอนนี้ประเทศไทยเดินทางไปดูงานเซี่ยงไฮ้" นายกอบศักดิ์ ระบุ 

นายกอบศักดิ์ ยืนยันว่า แผนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถึงเวลาก็ทบทวนได้ เพราะโลกมีความเปลี่ยนแปลง รัฐบาลต้องจัดทำแผนไว้ในอีก 20 ปีข้างหน้าแม้จะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นวันข้างหน้า ดังนั้น 20 ปีข้างหน้าอาจจะมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา จึงต้องทำแผนยุทธศาสตร์ชาติให้ทบทวนได้ทุก 5 ปี และมีความยืดหยุ่นเพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลก

"เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้คิดมาเป็นเวลานาน ทุกรัฐบาลมาจะลบของเดิม เราก็เลยตั้งใจว่าครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่วางกรอบที่เหมาะสม ร่างยุทธศาสตร์ชาติและร่างปฏิรูปถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ยกเลิกไม่ได้ รายละเอียดข้างในปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เหมาะสม แต่กรอบ แนวคิด ยุทธศาสตร์ชาติ การดำเนินการต่างๆ จะอยู่ในรัฐธรรมนูญที่มีความมั่นคงถาวร อย่างน้อย 10 ปีข้างหน้า ยุทธศาสตร์จะวางกรอบจนประเทศไทยเคยชิน ผมเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้ยั่งยืนคือผลงาน และประโยชน์ของมัน เมื่อคนเข้าใจก็จะติดใจ" นายกอบศักดิ์ ระบุ

นายกอบศักดิ์ ระบุว่า การเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้กำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงานเร่งด่วน 6 กลุ่มในระยะเวลา 8 เดือน ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 แผนแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน หรือการแก้จน กลุ่มที่ 2 แ��นลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมในสังคม หรือแก้ความเหลื่อมล้ำ กลุ่มที่ 3 การสร้างความเป็นธรรมของสังคม หรือแก้โกง กลุ่มที่ 4 แผนสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กลุ่มที่ 5 แผนปฏิรูปราชการเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนหรือปฏิรูปราชการ และ กลุ่มที่ 6 สร้างอนาคตไทย 

นายกอบศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงการทบทวนแผนยุทธศาสตร์ชาติทุกๆ 5 ปีว่า ใน 20 ปีมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ดังนั้นแผนยุทธศาสตร์ชาติสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ส่วนการปรับแผนนั้นจะมีขั้นตอนทบทวนทุก 5 ปี ส่วนแผนปฏิรูปก็ทบทวนต่อได้เรื่อยๆ ถ้ามีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้นตัวแผนปฏิรูปสามารถปรับเปลี่ยนได้ ดังนั้นอย่ากังวลว่าแผนดังกล่าวจะเป็นแผนที่ตายตัว

"ที่ทำให้ประเทศตามเพื่อนบ้านไม่ทัน เรามีโรค เราเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยไป แล้วทุกครั้งที่เราเปลี่ยนรัฐบาล รัฐบาลใหม่มาก็ต้องมีแผนของตนเอง แผนเก่าถูกยกทิ้งไปแล้วโครงการดีๆ ที่เคยมีอยู่แล้ว ถูกยกเลิก ประเทศไทยเลยไปต่อไม่ได้"

นายกอบศักดิ์ ระบุว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบกับร่างยุทธศาสตร์ชาติเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.แล้ว ขั้นตอนจากนี้ไปจะเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณา เมื่อเห็นชอบแล้วก็จะทูลเกล้าฯ เพื่อนำไปสู่การประกาศใช้

เมื่อประกาศใช้แล้วรัฐบาลจะทำแผนแม่บทในแต่ละด้าน โดยแผนแม่บทจะมีความเข้มงวดให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการตามแผนแม่บท เพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งประเทศไทยที่ผ่านมามีปัญหาคือมีกฎหมายแต่ไม่ทำตามกฎหมาย หากรัฐบาลข้างหน้าไม่ทำตาม ประชาชนก็สามารถเรียกร้องได้

นายกอบศักดิ์ ย้ำว่า ในยุทธศาสตร์ชาติจะมีขีดการสร้างความแข่งขัน การลดความเหลื่อมล้ำและไปข้างหน้าต้องไปด้วย ถ้ามีเค้กก้อนหนึ่ง แล้วสับเค้กให้เท่ากัน เค้กก้อนเล็กก็ได้คนละนิด แต่ถ้าขยายเค้กก้อนใหญ่ได้ก็มีความสุข ดังนั้นต้องขยายรายได้ให้เพิ่มขึ้นเพื่อให้ไปสู่ประชาชนเสมอภาค เมื่อทำมาหากินให้ดีก็กระจายรายได้ไปสู่ประชาชน อีกทั้งเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติคือ ประเทศไทยประกาศว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากจะเป็นประเทศรายได้สูงแล้วก็ต้องมีการแบ่งบันตามแนวคิดพอเพียง ซึ่งเป็นประเทศต้นแบบ โดยทำยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับเรื่องดังกล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เปิดโครงสร้างซูเปอร์บอร์ด ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี