ไม่พบผลการค้นหา
กมธ.ตามสอบงบฯ ปม GT200 ข้องใจ ทบ.จงใจซื้อเวลาผ่าตรวจทุกเครื่อง ตามคำสั่งอัยการสูงสุด

วันที่ 9 มิ.ย. 2565 ที่รัฐสภา ไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การจัดทำ และติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะ กมธ. ภายหลังการประชุมติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณจ้างตรวจเครื่องตรวจจับสารเสพติด​ อาวุธและวัตถุระเบิด หรือ GT200  โดย ไชยา ระบุว่า กองทัพบกได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อบริษัทเอกชนคู่สัญญาตั้งแต่ปี 2559 คือ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด โดยในวันที่ 5 มี.ค. 2564 สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้มีหนังสือแจ้งให้กองทัพบกตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่อง GT200 เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินคดี โดยในคำสั่งให้ส่งเครื่อง 757 เครื่องไปให้กับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นผู้ตรวจสอบทั้งหมด ซึ่งทางกรรมาธิการได้สอบว่า เหตุใดจึงต้องตรวจทั้งหมด ทั้งที่ สวทช. ได้ส่งผลตรวจ GT200 ครั้งแรกในปี 2564 จำนวน 320 เครื่อง ว่าไม่มีประสิทธิภาพ คือใช้ไม่ได้จริงไปยังกองทัพบก โดยกรรมาธิการมองว่าผลตรวจครั้งนี้สามารถอนุมานได้แล้วว่า ใช้ไม่ได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ยืนยันกับกรรมาธิการว่า จำเป็นต้องตรวจสอบต่อทั้งหมดทุกเครื่อง เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดยังไม่มีคำพิพากษาในส่วนของบุคคลและผู้ค้ำประกัน ขณะที่ทางกองทัพบกก็ยืนยันว่า ในส่วนของเครื่องที่เหลือในปี 2565 ได้ยกเลิกสัญญาการตรวจ และขณะนี้กองทัพบกได้ทำหนังสือไปยังอัยการสูงสุดเพื่อถามเป็นลายลักษณ์อักษรว่าต้องตรวจซ้ำหรือไม่ แต่กรรมาธิการให้ความเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องตรวจซ้ำแล้ว เพราะสามารถใช้ผลตรวจปี 2564 มาอนุมานได้ 

จากนั้น กรรมาธิการได้ขอข้อมูลจาก สวทช. เพื่อขอทราบผลตรวจในปี 2553 ที่ได้รายงานกับ ครม. ว่าผลเป็นอย่างไร พร้อมยืนยันว่า กรรมาธิการจะดำเนินการต่อเนื่องจากมีข้อมูลเชิงลึกว่า แม้จะมีความเสียหายทางแพ่ง แต่ยังกังวลว่าผู้ที่ถูกร้องจะมีขีดความสามารถในการชดใช้ให้รัฐมากน้อยแค่ไหน รวมถึงการตั้งคณะกรรมการสอบของกองทัพบกในส่วนผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะกรรมาธิการมองว่าเป็นการซื้อเวลา ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีอำนาจและดำรงตำแหน่งในกองทัพบกในการอนุมัติช่วงขณะนั้นหรือไม่ และหากไม่จำเป็นต้องตรวจต่องบประมาณที่เหลือสามารถคืนเงินเข้าระบบตามเดิมได้ 

ขณะที่ จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นชัยชนะของสภาฯ ที่ได้มาฟังข้อมูลการชี้แจงจากกองทัพบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการชี้แจงก่อนหน้านี้ไม่ตรงกับข้อมูลในวันเดียวนี้เลย จึงตั้งข้อสังเกตว่า อัยการสูงสุดมีการขอให้ตรวจเครื่องทั้งหมด 757 เครื่องจริง และการถอนอุทธรณ์ของจำเลย อัยการสูงสุดได้แจ้งผลไปยังกองทัพบกแล้ว แต่ยังไม่ระงับยับยั้งการตรวจส่วนที่เหลือ ซึ่งเมื่อถามทางอัยการสูงสุดแจ้งกับกรรมาธิการว่า เป็นการแจ้งอย่างไม่เป็นทางการ ไม่มีลายลักษณ์อักษร และ สวทช. ไม่ได้มีการแนะนำกองทัพเพื่อให้ประหยัดงบฯ ในการตรวจเลย