นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีประกาศเตือนสภาพฝนที่ตกในพื้นที่ภาคใต้ ที่ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้ นั้น
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ปัจจุบัน (7 ต.ค. 2561) มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 6,676 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ รวมกันทั้งหมด มีปริมาณน้ำใช้การได้ 4,865 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร
กรมชลประทาน ได้สั่งการให้โครงการชลประทานทุกแห่งในพื้นที่ภาคใต้ เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่อาจจะได้รับผลกระทบ ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ประจำในพื้นที่ หากมีกรณีฝนตกหนักหรือน้ำบ่าไหลหลาก สามารถเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ได้โดยเร็ว รวมทั้งกำชับให้ติดตาม ตรวจสอบระบบชลประทานให้สามารถรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด และให้เฝ้าระวังติดตามปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve) และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ
พร้อมกันนี้ ได้เน้นย้ำให้ติดตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาและภาพรวมของสถานการณ์น้ำในพื้นที่ของตนอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงการบูรณาการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ของตนได้อย่างทันต่อเหตุการณ์
สำหรับการเตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ ได้กำชับให้ทุกโครงการชลประทาน เตรียมพร้อมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องจักร เครื่องมือ รถแบคโฮ รถเทรลเลอร์ และรถขุดต่างๆ รวมไปถึงเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และเครื่องจักรอื่นๆ ประจำไว้ในพื้นที่เสี่ยง สามารถปฏิบัติงานได้ตลอดเวลา จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ติดตามสถานการณ์ฝนและสภาพน้ำท่าอย่างใกล้ชิด
ภาพประกอบข่าว : มูลนิธิมั่นพัฒนา