สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ภายหลังการเลือกตั้งพี่น้องประชาชนมีความหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเร่งแก้ปัญหาปากท้อง ทั้งนี้หลายปีที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนประสบปัญหา ได้รับผลกระทบจากการบริหารประเทศจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา รายได้ไม่พอกับรายจ่าย ส่งผลกระทบกับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนอย่างร้ายแรง ในขณะเดียวกันหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ความเป็นอยูของพี่น้องประชาชนลำบากทวีคูณ
ปัจจัยสำคัญคือสินค้าทางการเกษตร ราคาตกต่ำไม่ว่าจะเป็นข้าวที่ราคาต่ำ ต่อตันไม่ถึง 10,000 บาท ต่างจากสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่พี่น้องเกษตรกรชาวนามีรอยยิ้มกันถ้วนหน้า นอกจากราคาข้าวแล้วยังพบว่าราคายางพาราที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในพื้นที่ ราคาตกต่ำไม่แพ้กัน อยู่ที่ 17-18 บาทต่อกิโลกรัมเกษตรกรขายยางพารา5 โลได้ไม่ถึง 100 บาท เกษตรกรน้ำตาตกในเพราะ ราคาสวนทางกับต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น
สุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากราคาพืชผลแล้ว วัวซี่งป็นสัตว์เศรษฐกิจของคนในพื้นที่ เปรียบเสมือนธนาคารเคลื่อนที่ เป็นการออมเงินของเกษตรกร จากเดิมเกษตรกรขายวัวหนึ่งตัวได้ราคาประมาณ 25,000-30,000 บาท แต่สถานการณ์ในปัจจุบันเนื่องจากเศรษฐกิจในพื้นที่ตกต่ำ ส่งผลให้ราคาวัวขายเพียงตัวล่ะประมาณ 15,000 บาทเท่านั้น แต่ถูกเท่าไร เกษตรกรก็จำเป็นต้องขายเพราะต้องนำเงินไปดูแลใช้จ่ายในครอบครัว
“พี่น้องเกษตรกรหวังนโยบายพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ปัญหาปากท้องได้ ทั้งนี้มั่นใจว่านโยบายของพรรคให้ความสำคัญกับปัญหาปากท้องมาทุกยุค ดังนั้นภายหลังการเลือกตั้งมั่นใจว่าด้วยนโยบายของพรรคเพื่อไทยจะคืนรอยยิ้มให้กับเกษตรกรอย่างแน่นอน ทั้งนี้ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปล่อยปละละเลยไม่สนใจเกษตรกรปล่อยให้พ่อค้าเอาเปรียบผู้ผลิต ส่งผลให้เศรษฐกิจในพื้นที่มีปัญหาทั้งประเทศ ดังนั้นเกษตรกรทั่วประเทศ เหลือความหวังเดียว ว่ารัฐบาลใหม่จะช่วยพลิกฟื้นชีวิตของเกษตรกรทั่งประเทศให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ” สุดารัตน์ กล่าว