วันที่ 10 ธ.ค. 2566 ที่ลานประชาชน อาคารรัฐสภา ในการเสวนาหัวข้อ “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หน้าตาเป็นอย่างไร“ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ตัวแทนกลุ่มไอลอว์ กล่าวว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้วคือวันที่ 17 พ.ย. 2563 มีคำถามว่า รัฐธรรมนูญต้องการอะไร เรามีความฝันง่ายๆ คือใครได้เสียงข้างมาก คนนั้นต้องเป็นรัฐบาล ไม่มีอำนาจอื่นมาแทรกแซง เราอยากอยู่ในประเทศที่มีระบบตรวจสอบอำนาจรัฐที่มีที่มาอิสระ ไม่ใช่ถูกเลือกมาจากรัฐ ตอนนี้มีคำถามว่าจะเขียนรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ตนถือว่าหยาบคาย เพราะเราต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งจากผลการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ กระบวนจัดทำกฎหมายสามารถเริ่มได้เลย โดยการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเข้าสู่สภาฯ แต่ก็มีความกังวลว่าจะผ่าน สว. หรือไม่ที่ต้องทำประชามติก่อน ดังนั้น จึงต้องทำประชามติครั้งแรกก่อน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ในกฎหมายไม่ได้ระบุว่าให้ทำประชามติครั้งที่ 1 ก่อน เราจะไม่ทำก็ได้ และศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้สั่งรวมถึงไม่มีอำนาจมาสั่ง แต่จะทำก็ได้ เพราะยิ่งทำจะยิ่งทำให้ประชาชนมีการตัดสินใจที่ดี แต่เราก็มีความกังวลว่าคำถามในการทำประชามติจะยิ่งทำให้มีเงื่อนไข ซึ่งตนไม่ได้ไม่เชื่อถือพรรค พท. แต่ไม่เชื่อถือพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ 2560
ยิ่งชีพ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ โอกาสแรกหากจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราต้องล็อกการตั้งคำถามว่าประชาชนจะเห็นชอบหรือไม่ หากเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการแต่งตั้ง หากทุกคนโหวตไม่เอาก็แปลว่าไม่เอาการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย หรือเห็นชอบหรือไม่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 ถ้าโหวตไม่เอาคือเห็นด้วยกับการแก้ แต่ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไข
ดังนั้น จึงขอให้มีการเสนอคำถามในการทำประชามติ และ ส.ส.ร.ต้องมาจากการเลือกตั้ง 100% ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้ง หรือมาจากไหนก็ไม่ทราบ ซึ่งเป็นจุดที่ประกาศชัดแล้วว่าประชาชนต้องการการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ เลือกตั้งทั้งฉบับใหม่ 100%
“รัฐบาลกลัวว่าถ้าคนไม่ถึงก็จะขายหน้า แต่ประชาชนตื่นตัวเรื่องนี้กันมากแล้ว ถ้าทำด้วยการเปิดกว้าง เราก็จะรณรงค์ได้อย่างเต็มที่ และจะช่วยกันจนสุดความสามารถ แต่หากผลออกว่าไม่ทำประชามติ เราไม่ต้องถาม อย่างไรก็ตาม ผมไม่ติดใจ ซึ่งถ้าคิดว่าทำประชามติ 3 ครั้งมันเยอะ ไม่ต้องทำครั้งที่ 1 ให้เสนอร่างเข้าสู่สภาฯ เลย มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยก็จะเสนอ และพรรคก้าวไกลก็จะเสนอ รวมถึงประชาชนจะเสนอเข้ามาด้วย” ยิ่งชีพ กล่าว