นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะอดีตประธานรัฐสภา แสดงความคิดเห็นต่อกรณีมาปรากฏตัวของผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯต่อรัฐสภาและการเเสดงวิสัยทัศน์ ณ ที่ประชุมในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ว่า แม้ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมา ท่านที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็ไม่ต้องมาก็ได้ แต่ก็จะเป็นความมหัศจรรย์อยู่ในที เพราะคนถูกเสนอชื่อ ก็ควรอย่างยิ่งที่จะให้คนเลือกได้เห็นหน้าตาคนถูกเลือก โดยความเหมาะสมแล้วจึงควรที่จะมา เพราะถือเป็นการให้เกียรติต่อผู้แทนฯที่ประชาชนเลือกมาด้วย ซึ่งหากบอกว่าไม่ว่าง แต่จะมาเป็นนายกฯ ก็ไม่รู้จะเสนอตัวมาทำไม เพราะวันข้างหน้าท่านมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อสภาแห่งนี้ด้วย
ขณะที่การแสดงวิสัยทัศน์ อดีตประธานรัฐสภา มองว่า แม้รัฐสภาไม่ได้มีการกำหนดไว้เช่นกัน แต่ถ้าจะแสดงวิสัยทัศน์ก็ไม่ได้ผิดกติกา และก็ไม่มีข้อห้ามว่าต้องไม่แสดง การตีความว่าไม่ได้กำหนดไว้ ไม่ใช่ว่าห้ามทำ แต่เมื่อมองประโยชน์ต่อทั้งผู้เลือกและประชาชนแล้ว มีแต่ข้อดี เพราะคนเลือกจะได้ฟังทัศนะว่าจะมาบริหารประเทศบ้านเมืองอย่างไร เข้าใจกติกาประชาธิปไตยแล้วหรือยัง อย่าพึ่งไปกลัว เพราะทั้งการมาปรากฏตัวที่สภา และการแสดงวิสัยทัศน์ เสียงข้างมากอาจจะมีมติไม่ต้องแสดงก็ได้ ระบอบประชาธิปไตยมีทางออกให้ท่านอย่างสันติและไม่น่ากลัวเลย อย่าพึ่งทึกทักไปก่อน เพราะคนเป็นผู้นำต้องพร้อมทุกสถานการณ์
ส.ว.โหวตประยุทธ์เป็นนายกฯเสี่ยงผิดรธน.
เมื่อถามถึงกรณีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง หน้าพรรคประชาชาติ เปิดเผยว่า ในความเป็นจริงนั้น คนที่จะเป็นนายกฯ ควรจะสง่างาม มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่รธน.กำหนด พล.อ.ประยุทธ์ มีข้อกังขาต่อคุณสมบัติหลายประการ ถ้าโหวตโดยไม่มีการชี้ชัด อาจจะทำให้ขัดรธน.หลายมาตรา
สำหรับสมาชิกวุฒิสภา หรือส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งนั้น หากโหวตเลือกนายกฯ เป็นใครก็ไม่มีปัญหา เพราะรธน.มาตรา 272 ก็กำหนดให้โหวตนายกฯได้ ใน5ปีแรก แต่การโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จะมีปัญหาทันทีเพราะ รธน.มาตรา114 วางหลักการเอาไว้ห้าม ส.ส. หรือ ส.ว. ไปมีผลประโยชน์ขัดกัน
ข้อเท็จจริงนี้ชัดเจนมากว่า ส.ว.ชุดนี้ ยกเว้น 6 ผู้นำเหล่าทัพที่มาโดยตำแหน่ง ได้รับการเลือกโดยพล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นหัวหน้าคสช. แล้วคนเหล่านี้ก็จะมาเลือก พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯอีก ทั้งๆที่ก็รู้มาตั้งแต่วันเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯแล้ว แบบนี้ทำให้มองเห็นว่ามีลักษณะของการต่างตอบแทนอยู่หรือไม่ เคยมีกรณีการตัดสินของศาลฎีกา ศาลรธน.ในข้อเท็จจริงที่คล้ายกันมาแล้ว เกรงว่าจะมีการฟ้องร้องกันในภายหลังและไม่มีความสง่างามเลย
จวก ส.ส.-ส.ว.บางคน ทำตัวศรีธนญชัย ตีความรธน.เข้าข้างผลประโยชน์บุคคล-พรรคการเมือง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีส.ส.หรือส.ว.บางคน พยายามที่จะอธิบายด้วยการตีความรธน.ให้เป็นประโยชน์ต่อพล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ อาทิ รัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือการพิจารณางบประมาณโดยรัฐสภา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เปิดเผยว่า คนเหล่านี้กำลังทำตัวเป็น “ศรีธนญชัย” ทำลายหลักการประชาธิปไตยสากล ถ้าจะปฏิบัติอย่างที่ว่าต้องแก้รธน.ก่อน การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยทำได้แต่เสถียรภาพและความมั่นคงก็คงลำบาก และเสียงจากประชาชนเกินครึ่งที่สะท้อนผ่านเสียงผู้แทนฯไม่มีความหมายหรือ เพราะกำลังบอกว่าท่านไม่ได้รับความเห็นชอบจากคนส่วนใหญ่
ส่วนการให้ส.ว.เข้ามาร่วมพิจารณางบประมาณ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ไม่มีในกฎหมายฉบับใด ไม่มีรธรน.ให้อำนาจ แม้ในอดีตจะมี แต่รธน.ปี60 ต่างจากรธน.ปี 21 ที่ผู้ร่างเวลานั้น เขียน ระบุไว้เลยให้ส.ว.ทำได้ ด้วยการมีกรรมการประชุมร่วมกัน แต่รธน.ปี 60 บทเฉพาะกาล เขียนให้ส.ว.ทำได้กรณีเดียวคือให้มาเลือกนายกฯได้ 5 ปีเท่านั้น สุดท้ายถ้าดันทุรังจะทำเรื่องนี้ก็ต้องส่งเรื่องไปให้ศาลรธน.ตีความ แต่โปรดระมัดระวัง พลังของประชาชนคงไม่ยอม ถ้าเป็นแบบนี้ประชาชนต้องออกมาขอแก้รธน.ให้เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยแน่นอน ขออย่าดูถูกสติปัญญาประชาชน
“พรรคประชาชาติขอยืนยัดหลักการและสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากประชาชน และทำงานเพื่อประชาชนเท่านั้น” นายวันมูหะมัดนอร์ มะทากล่าว