ไม่พบผลการค้นหา
ผู้นำโลกกล่าวสุนทรพจน์อวยพรปีใหม่ พร้อมกล่าวถึงประเด็นสำคัญของประเทศ โดยผู้นำเกาหลีเหนือขู่ว่าอาจเปลี่ยนใจเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่ผู้นำเยอรมนีกล่าวว่า ประชาธิปไตยเจริญงอกงามขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง

สุนทรพจน์และแถลงการณ์วันปีใหม่ของผู้นำประเทศทั่วโลกมักได้รับความสนใจ เพราะเป็นการแสดงวิสัยทัศน์หรือท่าทีต่อประเด็นสำคัญต่างๆ ภายในประเทศและสถานการณ์โลก โดยเฉพาะข้อความปีใหม่ของผู้นำประเทศยักษ์ใหญ่ของโลก

ผู้เกาหลีเหนืออาจเปลี่ยนใจกรณีปลดอาวุธนิวเคลียร์

คิมจองอึน เกาหลีเหนือ

สุนทรพจน์ปีใหม่ของนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือเป็นหนึ่งในสุนทรพจน์ที่ทั่วโลกจับตามาเป็นพิเศษ โดยปี 2561 ที่ผ่านมา สุนทรพจน์ปีใหม่ของเขานำไปสู่การเจรจาสันติภาพกับผู้นำเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ทำให้ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีลดลงได้มาก แต่ปีนี้ (2562) นายคิมกล่าวว่า หากสหรัฐฯ ยังคงไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ต่อหน้าประชาคมโลก และยืนยันที่จะคว่ำบาตรและกดดันเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือก็จะพิจารณาวิธีใหม่ในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของประชาชนเกาหลีเหนือ

ผู้นำสหรัฐฯ ยังทำงาน ขณะคนอื่นไปฉลองปีใหม่

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์วิดีโอกล่าวว่า ขณะที่เขากำลังทำงานอยู่ในทำเนียบขาว ประชาชนออกไปฉลองปีใหม่กัน "ผมไม่โทษพวกคุณ" พร้อมขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ ในปีใหม่

นายโดนัลด์ ทรัมป์ยังทวีตข้อความเกี่ยวกับการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนเม็กซิโก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายังต้องอยู่ที่ทำเนียบ หลังจากที่พรรคเดโมแครตไม่ยอมผ่านงบประมาณประจำปี เพราะคัดค้านการนำเงิน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปสร้างกำแพงนี้ จนทำให้มีการชัตดาวน์รัฐบาลในวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ผู้นำฝรั่งเศสขอให้เกิดความสามัคคีภายในชาติ

เอ็มมานูเอล มาครง Macron ฝรั่งเศส

ด้านนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวว่า ความโกรธเคืองที่เป็นต้นตอของการประท้วง "เสื้อกั๊กเหลือง" ต่อต้านการขึ้นภาษีน้ำมันแสดงให้เห็นว่า ชาวฝรั่งเศสยังไม่ยอมจำนน และต้องการสร้างอนาคตที่ดีขึ้น แต่เขาได้กล่าวประณามคนที่ยุยงแนวคิดสุดโต่ง โจมตีนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ผู้สื่อข่าว ยิว ชาวต่างชาติ และคนรักเพศเดียวกัน โดยอ้างการกระทำดังกล่าวในนามของประชาชน พร้อมเตือนประชาชนให้ระวังข่าวปลอม

นายมาครงยังกล่าวว่า เขาเชื่อในประชาชนทุกคน ขอให้หยุดฟาดฟันกันและเชื่อว่าฝรั่งเศสเป็นประเทศที่จะไม่มีความสามัคคีกัน

ผู้นำเยอรมนีกล่าวว่า ประชาธิปไตยเจริญงอกงามได้จากการเปลี่ยนแปลง

อังเกลา แมร์เคล เยอรมนี

นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำที่มีความสำคัญกับสหภาพยุโรปอย่างมากกล่าวกับประชาชนเยอรมันว่า หากเยอรมนีร่วมมือกันภายในประเทศและร่วมมือกับประเทศอื่นก็จะช่วยแก้ไขปัญหาสำคัญในปี 2562 เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผู้อพยพและก่อการร้ายได้ และเยอรมนีจะต้องยืนหยัดกับความเชื่อมากกว่านี้ เยอรมนีจะต้องถกเถียงและต่อสู้เพื่อความเชื่อมั่นนี้

ก่อนหน้านี้ นางแมร์เคลประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค CDU และจะไม่ลงสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีอีกในสมัยหน้า ซึ่งเธอได้กล่าวในสุนทรพจน์ปีใหม่ว่า การลงจากตำแหน่งหลังหมดวาระการดำรงตำแหน่งในปี 2564 ไม่ได้เกี่ยวกับที่ความนิยมที่ลดลงของเธอและความวุ่นวายในพรรค CDU แต่เธอกล่าวว่า การดำรงตำแหน่งมากว่า 13 ปี "เป็นเหตุผลเพียงพอแล้ว" ในการลงจากตำแหน่ง เพราะ "เราสร้างประเทศจากสิ่งที่คนรุ่นก่อนทิ้งไว้ให้เรา เราได้สร้างปัจจุบันให้กับคนรุ่นหลัง" และ "ประชาธิปไตยเจริญงอกงามจากการเปลี่ยนแปลง"

ผู้นำอังกฤษหวังประเทศจะเดินหน้าสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่

เทเรซา เมย์ Theresa May

นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า เธอขอให้ทุกคนวางความแตกต่างลงและก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่จะมองไปข้างหน้า และในปี 2562 อังกฤษจะเดินหน้าสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เธอกล่าวว่า ข้อตกลงเบร็กซิตที่เธอได้ต่อรองมาได้ตอบสนองสิ่งที่ชาวอังกฤษลงประชามติไป และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า สมาชิกรัฐสภาจะต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ หากรัฐสภาลงมติผ่านข้อตกลงนี้ อังกฤษจะผ่านพ้นจุดยากลำบากไปได้

ผู้นำรัสเซียชี้ รัสเซียจะประสบความสำเร็จได้ด้วยการร่วมมือกัน

นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า ที่ผ่านมา รัสเซียไม่เคยมีประเทศใดมาช่วยเหลือ หากจะบรรลุเป้าหมายได้ ชาวรัสเซียจะต้องทำงานเคียงข้างกันเป็นทีมที่แข็งแกร่ง โดยรัฐบาลรัสเซียกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายด้านทั้งด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การศึกษา และระบบสาธารณสุข นอกจากนี้ การปรับปรุงคุณภาพชีวิตยังจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในปีนี้

ผู้นำจีนประกาศจะเปิดประตูสู่โลกมากขึ้น

นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าวสนับสนุนการปฏิรูปประเทศในปี 2562 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 40 ปีการเปลี่ยนแปลงโมเดลเศรษฐกิจของประเทศ โดยนายสีกล่าวว่า ช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา จีนมีมาตรการปฏิรูปประเทศที่สำคัญๆ มากกว่า 100 ข้อ และจีนจะไม่หยุดยั้งการปฏิรูป และจีนจะ "เปิดประตูให้กว้างขึ้น"

นายสีกล่าวว่า ปี 2562 จะนำพาทั้งโอกาสและความท้าทายมาด้วย แต่ไม่ได้กล่าวถึงสงครามการค้ากับสหรัฐฯ เขากล่าวว่า เมื่อจีนเปิดตาสู่โลก จีนต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าสถานการณ์โลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ความมั่นใจและความมุ่นมั่นของจีนในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติจะไม่เปลี่ยนไป ความจริงใจและความตั้งใจดีของจีนในการรักษาสันติภาพโลกและส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไป

ที่มา: BBC, DW, The Guardian, RT, SCMP