พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง สถานการณ์โควิด-19 ว่า ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยหยุดติดตาม สถานการณ์ โดยมอบหมายให้ อนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ยืนยันที่ผ่านรัฐบาลปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข แต่ต้องแสวงหาความร่วมมือจากภาคเอกชนให้มากขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังยอมรับเครียดกับตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รอบใหม่ โดยได้ให้ผู้สื่อข่าวดูที่รอบดวงตา ว่านอนน้อยในช่วงนี้ เพราะต้องติดตามสถานการณ์ข้อมูล และรายงานต่างๆ รวมถึงสั่งการตั้งแต่วันแรกจนถึงทุกวันนี้ โดยเชื่อว่าแรงงานในประเทศเดิมที่อยู่นั้น ยังปลอดภัย เพราะที่ผ่านมาควบคุมการแพร่ระบาดและมีจำนวนที่จำกัด ควบคุมได้ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 10 คน อยู่ในหลักสิบ แต่การแพร่ระบาดรอบใหม่ มีรูรั่วจากการที่ไม่ปฏิบัติจากกฏระเบียบและมาตรการสาธารณสุข การลักลอบเข้าเมือง ทำให้เกิดปัญหาโควิด-19 กลับมา
"ก่อนหน้านี้ทุกพื้นที่ปลอดภัย แต่แรงงานบางส่วนได้กลับไปประเทศของตนเอง แล้วหนีกลับเข้ามาแบบผิดกฏหมาย ดังนั้นประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล และแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่รับทราบ อย่าผลักภาระให้เจ้าหน้าที่เพียงฝ่ายเดียว แต่ตัวนายกรัฐมนตรีเอง ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่อยากให้ทุกฝ่ายรับผิดชอบร่วมกัน จะได้ประสบความสำเร็จรวมกัน และคนที่รู้ ข้อมูลที่แท้จริง นั้นคือ เจ้าของโรงงาน ที่ต้องมีมาตรการติดตามตามแรงงานทุกคน หากพบแรงงานผิดกฏหมาย จะถูกสั่งปิดโรงงานทันที" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้ ทุกต้องมีส่วนร่วมด้วยกันทั้งสิ้น ยืนยันรัฐบาลและสาธารณสุข มีมาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง แต่มีการเล็ดลอดเข้ามา ดังนั้นสังคมต้องช่วยกัน หากยังลักลอบเข้ามาแบบผิดกฏหมายเช่นนี้ มาตรการขั้นต่อไปก็คือล็อกดาวน์ ซึ่งจะเป็นปัญหาตามมา สำหรับขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงจุดนั้น ยังสามารถควบคุมได้ ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว ทั้งโรงพยาบาลสนาม และยาต้านโควิด-19 (ฟาวิพิราเวียร์) แต่คนที่อยู่ในกลุ่มต้องสงสัย จะต้องนำมาเข้าระบบให้ได้ คนที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง จะต้องไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาโรค ให้ปลอดภัย และไม่เป็นพาหะแพร่เชื้อ โดยในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร มีการล็อกดาวน์ไปแล้ว และตรวจสอบไปหลายพันคนแล้ว เจอตัวเลขผู้ติดเชื้อตามที่เป็นข่าว และเมื่อตรวจคนในพื้นที่ ตรวจอย่างไรก็เจอ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตรวจสอบทุกพื้นที่ กลุ่มเสี่ยงแรงงานต่างด้าวทั้งหมด พร้อมทั้ง ยังขอเวลาประเมินสถานการณ์อีก 7 วัน ว่าจะให้จัดงานปีใหม่ได้หรือไม่ พร้อมขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก หวังว่าภายใน 7 วัน สถานการณ์จะคลี่คลาย ทุกประเทศมีคนทำผิดกฏหมาย พร้อมยกตัวอย่างว่า อะไรที่เป็นประโยชน์ก็เกิดการโกงขึ้น ทั้งโครงการคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน
ส่วนกระแสโซเซียล ถล่ม อนุทิน เรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี มองว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องที่จะไปโทษ อนุทิน เพียงคนเดียว ไม่เช่นนั้นก็ต้องไล่ทหารและตำรวจไปด้วยทั้งหมด แต่เรื่องนี้จะต้องไปหาว่ามีการทุจริตในจุดใด หรือ มีขบวนการรับสินบน เพื่อให้แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาในประเทศไทยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลมีการตรวจสอบอยู่ตลอด
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ โพสต์เฟซบุ๊ก เป็นภาพขณะประชุมวงเล็กร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณะสุข พร้อมนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย และนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. พร้อมข้อความระบุว่า "เช้าวันนี้ ได้มีการติดตามความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และประเมินผลการปฎิบัติในช่วงที่ผ่านมาเพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ เพิ่มเติมที่จำเป็นทั้งหมด ทั้งในแง่กฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ ให้ทุกหน่วยงานสามารถดำเนินการแก้ไขสถานการณ์เชิงรุกได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องทำงานแข่งขันกับเวลา
สำหรับรายละเอียด ทางรัฐบาล และ ศบค. จะเป็นผู้ชี้แจงให้พี่น้องประชาชนทราบอย่างเป็นทางการ เป็นระยะๆ นะครับ ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพตนเองและคนใกล้ชิด รักษาวินัยในการปฎิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เพื่อเราจะได้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ในเร็ววันครับ"