น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงความเห็นของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคต่อกรณีการคลายล็อกและผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ของรัฐหลังจากล็อกดาวน์มาตั้งแต่เดือน มี.ค.
โดย น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับการคลายล็อกและผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพราะถือเป็นเรื่องจำเป็นที่รัฐจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนกับมาใช้ชีวิตและทำมาหากินได้ตามปกติเร็วที่สุด โดยยังต้องเข้มงวดและรักษามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเอาไว้
สำหรับความสำเร็จของมาตรการสาธารณสุขที่ผ่านมา ต้องขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือร่วมใจกัน จนกระทั่งสามารถลดอัตราผู้ติดเชื้อลงมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม มาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลส่งผลให้คนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างแสนสาหัส เพราะต้องตกงานหรือรายได้ลดลง แม้รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชย 5,000 บาทเยียวยาให้กับผู้เดือดร้อน แต่ก็ยังไม่ทั่วถึงและเป็นเพียงการบรรเทาปัญหาเท่านั้น
ดังนั้นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนคือ ต้องปลดล็อกและผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต่อการควบคุมโรค เพื่อให้ประชาชนกลับมาทำมาหากินได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด โดยพรรคเพื่อไทยมีข้อเสนอแนะดังนี้
1. รัฐต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้กับประชาชนมากเกินไป จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน ถึงวันนี้พิสูจน์แล้วว่าประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันตัวเองและผู้อื่น หากรัฐสร้างเงื่อนไขเพื่อควบคุมประชาชนมากเกินไป ย่อมทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถประกอบอาชีพและดำรงชีวิตได้เหมือนเดิม
ดังนั้นรัฐควรยกเลิกเงื่อนไขที่ไม่มีประโยชน์ต่อการควบคุมโรคออกไปทุกข้อ ยกตัวอย่างเช่น มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในร้านอาหารที่กำหนดให้ทุกโต๊ะนั่งได้คนเดียว กรณีแบบนี้ควรอนุโลมได้ถ้าลูกค้ามาจากครอบครัวเดียวกัน เป็นต้น
2. รัฐควรผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่ไม่กระทบกับการควบคุมโรคเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับไปทำงานได้เร็วที่สุด โดยต้องใช้ทรัพยากรของรัฐสนับสนุนการทำมาหากินของประชาชนอย่างเต็มที่ เช่น รัฐควรเพิ่มจำนวนเที่ยวรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชน ขนส่งสาธารณะ เรือ เพื่อลดจำนวนความแออัด หนาแน่นของประชาชน และฉีดพ่นฆ่าเชื้อทุกเที่ยว เป็นตามมาตรการควบคุมโรค และควรมีมาตรการผ่อนปรนให้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สามารถเปิดใช้งานได้ ตามตึกในที่ทำงาน และ ห้างสรรพสินค้า ตามมาตรฐานสาธารสุข เช่น ฟู้ดคอร์ต เพื่อสนับสนุนกับการปลดล็อกดาวน์ให้ประชาชนกลับไปทำงานได้เหมือนเดิม
3. รัฐควรผ่อนปรนเรื่องกำหนดเวลาเคอร์ฟิว ในเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และคนไทยมีวินัยในการป้องกันตัวเองและผู้อื่นสูงขนาดนี้ การกำหนดเวลาเคอร์ฟิวที่ใช้อยู่ในขณะนี้ จึงเกินความจำเป็นและกลายเป็นอุปสรรคกับการทำมาหากินของคนหลากหลายอาชีพ เช่น รถรับจ้าง ร้านอาหารรอบดึก สายการบิน รถทัวร์ ตลาดนัดกลางคืน ธุรกิจขายส่ง ธุรกิจส่งออก ฯลฯ
ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่ารัฐบาลควรผ่อนคลายเวลาเคอร์ฟิวให้สั้นลง หรือควรยกเลิกไปได้แล้ว
4. รัฐควรมีมาตรการควบคุมเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างเข้มงวด ไม่ให้ใช้อำนาจจากมาตรการของรัฐ ถือโอกาสฉกฉวยแสวงประโยชน์จากประชาชน เพราะขณะนี้ทุกคนเดือดร้อนโดยถ้วนหน้า วันนี้คนทำมาหากินลำบากมากขึ้น ต้นทุนสูง กำไรหด หากยังโดนเจ้าหน้าที่รัฐรีดไถด้วยการอ้างเหตุผลจากเงื่อนไขที่รัฐกำหนด ก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมทุกข์ให้หนักมากขึ้น
ดังนั้นผู้มีอำนาจต้องเข้มงวด อย่าปล่อยปละละเลยให้ลูกน้องมีพฤติกรรมเช่นนี้กับประชาชนอย่างเด็ดขาด
5. รัฐควรพิจารณายกเลิก พระราชกำหนดการบริหารราชในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พรก.ฉุกเฉิน และนำ พระราชบัญญัติโรคติดต่อ หรือ พ.ร.บ.โรคติดต่อ มาบังคับใช้แทน ทั้งนี้เพราะการบังคับใช้มาตรการสาธารณสุขที่ผ่านมาดำเนินการมาอย่างได้ผล และสถานการณ์แพร่ระบาดมีแนวโน้มดีขึ้นมาเป็นลำดับ ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไป
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ขณะนี้ เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลใช้อำนาจออกเป็นพระราชกำหนดถือว่าถูกบังคับใช้แล้ว ดังนั้นการใช้เงินดังกล่าวต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและประชาชน การที่รัฐยังสร้างเงื่อนไขกับประชาชนเกินความจำเป็น ย่อมสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นอุปสรรคให้กับการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย พรรคเพื่อไทยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะรับฟังข้อเสนอของพรรคและฟังเสียงของประชาชน และนำมาสู่การคลายล็อกและผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตามสถานการณ์ที่แท้จริง
ทั้งนี้เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :