ไม่พบผลการค้นหา
'สุทิน' มั่นใจสถานการณ์ไม่บานปลาย หลังศาล รธน.วินิจฉัยนโยบายแก้ ม.112 ก้าวไกล มองศาลตัดสินแล้วก็จบ-คนไทยมีบทเรียน แนะร่วมเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจดีกว่า

วันที่ 2 ก.พ. สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครองและมีคำสั่งให้ยกเลิก จะนำไปสู่การเคลื่อนไหวจากกลุ่มต่างๆ จะรุนแรงขึ้นหรือไม่ ว่า คนไทยวันนี้เคารพศาล เมื่อศาลตัดสินอย่างไร ทุกคนเคารพก็น่าจะจบ และมั่นใจว่าสถานการณ์ไม่น่าจะบานปลาย เพราะที่ผ่านมาเรามีบทเรียนมามากแล้ว คนก็เหนื่อย และขณะนี้บ้านเมืองกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ฉะนั้นจะต้องทำให้บรรยากาศเป็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมากกว่า ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นการพิจารณาตามครรลองของกระบวนการยุติธรรม 

ส่วนที่ขณะนี้เริ่มมีนักร้องเรียนออกมาเคลื่อนไหวให้ยุบพรรคก้าวไกล จะทำให้สถานการณ์บานปลายหรือไม่ สุทิน กล่าวว่า มันก็เป็นสิทธิ์ เพราะคนไทยมีความคิดที่เสรีและเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีคนร้องเรียนมาเรื่อย สุดท้ายเมื่อเข้าสู่กระบวนการและได้ข้อยุติ ก็จะจบมัน คนร้องก็ร้อง แต่สุดท้าย ขอให้รอฟังศาล และเมื่อศาลตัดสินมาแล้ว เคารพคำตัดสินก็จบ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปเยอะไม่เหมือนเมื่อก่อน เพราะคนเหนื่อย 

ส่วนการประเมินสถานการณ์ข่าวฝ่ายความมั่นคงก็ดำเนินการตามปกติ และยังไม่คิดว่าจะมีอะไรน่าวิตก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องตั้งมั่นตลอดไม่ประมาท


ลั่นกลาโหมไม่มีโดน ‘นักร้องตบทรัพย์’

สุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่ามีหลายกระทรวงถูกตบทรัพย์จากนักร้องเรียน ซึ่งหน่วยงานภายในกระทรวงกลาโหม มีถูกตบทรัพย์ด้วยหรือไม่ ว่า "ไม่มี" พร้อมกับหัวเราะ และระบุว่า ถึงมีก็ตบไม่ได้หรอกกระทรวงกลาโหม เพราะเราก็น่าจะรู้ทันอยู่

ส่วนการหารือกับคณะกรรมาธิการทหารฯ วิธีการพูดคุยในประเด็นอะไร รมว.กลาโหม กล่าวว่า ก็คงจะมาสอบถามความเป็นมาเป็นไปของกองทัพ ในหลายเรื่องที่เป็นข่าว และที่เคยพูดคุยในสภาซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแนวนั้น ส่วนข้อมูลที่สามารถเปิดเผยได้เราก็เปิดเผย อันไหนที่เป็นชั้นความลับจริงๆก็คงต้องมีการพูดคุยกัน พร้อมยืนยันว่า ไม่ปิดบัง เพราะไม่มีอะไรที่ต้องปิด

ส่วนที่ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล มองว่า สุทิน เป็นรัฐมนตรีแล้วไม่เหมือนเดิมนั้น สุทิน ยอมรับว่า เมื่อภารกิจเปลี่ยน ก็ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ก็ต่างจากเมื่อก่อนที่เฮฮา และสบายได้