วันที่ 2 ก.พ. ที่อาคารรัฐสภา ศิริกัญญา ตันสกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง กรณีที่มีคนไปยื่นร้องสอบจริยธรรม 44 สส. ที่ลงชื่อสนับสนุนแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งท้ายที่สุดแล้วอาจจะทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง โดยระบุว่า ตนเป็นหนึ่งใน 44 คนที่ได้เซ็นเสนอการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เช่นเดียวกัน พรรคเองได้มีการเตรียมที่จะต่อสู้คดีในเรื่องนี้เพราะเป็น สถานการณ์หนึ่งในฉากทัศน์ ที่เกิดขึ้นได้แน่นอน เราก็เลยไม่ได้กังวลใจ ซึ่งในกระบวนการต่อสู้ เราก็มีข้อที่จะใช้ในการต่อสู้เชิงคดี เพื่อที่จะไม่ทำให้เราต้องเจอในเรื่องของการถูกตัดสิทธิ์หรือ ถูกตัดสินว่ามีการทำผิดจริยธรรม
ศิริกัญญา ยังกล่าวด้วยว่า แน่นอนว่าไม่ใช่กระบวนการยกเลิก เพียงแต่เป็นการแก้ไขกฎหมาย เพราะการแก้ไขกฎหมายเป็นสิทธิที่ชอบธรรม ของผู้แทนราษฎร ที่จะต้องดำเนินการในฝ่ายนิติบัญญัติอยู่แล้ว ถ้าจะทำไม่ได้หรืออะไรก็จะต้องมีการโต้แย้งหรือมีการยับยั้งมาตั้งแต่ตอนต้น ซึ่งอาจจะมีส่วนที่ทำให้เรายื่นแต่ไม่เข้าสู่ระบบวาระได้ ดังนั้นการที่จะพิสูจน์พฤติการณ์ระหว่างศาลรัฐธรรมนูญกับศาลฎีกาก็มีความแตกต่างกันอยู่เราก็สู้อย่างเต็มที่
ส่วนจะมีทางรอดของ สส.ทั้ง 44 คนอยู่ใช่หรือไม่ศิริกัญญา กล่าวว่า เราก็ต้องเตรียมตัวสำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุด แต่มีความหวังสำหรับกรณีที่ดีที่สุดเอาไว้ และสุดท้ายแล้วหากผลออกมาเป็นทางลบ เราได้มีการวางแผนรองรับไว้แน่นอน เรามีแกนนำรุ่นต่อๆ มา และคิดว่าระยะเวลาของกระบวนการยุติธรรมไม่ได้รวดเร็ว พอมีเวลาที่จะเตรียมแกนนำรุ่นต่อไปขึ้นมาได้แน่นอน และไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด
"ถ้าเราดู สส.ของพรรคก้าวไกล หรือผู้ที่เข้ามาร่วมงานกับเรา ก็มีหลายคนที่มีศักยภาพสูงมาก ถึงแม้จะไม่มี 44 คน แต่รับรองว่าแนวคิด อุดมการณ์ วิธีคิด กระบวนการทำงานที่เป็นของพรรคก้าวไกล ก็คงจะสามารถดำเนินการต่อสืบทอดต่อไปได้ในเรื่องต่อๆ ไปแน่นอน เราเชื่อมั่นในบุคลากรของเรา" ศิริกัญญา กล่าว
ด้าน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าหารือกับ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นนโยบายหาเสียง แก้ไข ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง หรือไม่ วิโรจน์ กล่าวว่า ไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ และตนเองก็เป็น 1 ใน 44 รายชื่อ ที่ลงชื่อเสนอนโยบายนี้ และภายในพรรคก็ไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงประเด็นดังกล่าว โดยทุกคนก็ยังคงทำงานตามปกติ