หลังจากการกราบบังคับทูลลาออกของทรัสส์ ซูนัคได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยหลังจากการเข้าเฝ้า ณ ห้อง 1844 ในพระราชวังบักกิงแฮม ซูนัคได้เดินทางต่อมายังบ้านหมายเลข 10 ถนนดาวนิง บ้านประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกันกับการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทั้งนี้ ทรัสส์ได้อวยพรขอให้ซูนัคพบกับ “การประสบลความสำเร็จทุกประการ” ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายก่อนหน้า

ซูนัคกล่าวต่อหน้าสื่อมวลชน หน้าบ้านหมายเลข 10 ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า “ตอนนี้ ประเทศของเราพบกับวิกฤติเศรษฐกิจยิ่งใหญ่” ซูนัคย้ำถึงผลพวงหลังการระบาดของโควิด-19 และสงครามการรุกรานยูเครนโดย วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ทั้งนี้ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียระบุว่า การขึ้นมาของซูนัคจะไม่ได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ของรัสเซียกับสหราชอาณาจักรดีขึ้นแต่อย่างใด

ซูนัคระบุว่า ทรัสส์ไม่ได้ทำอะไรผิดในการกู้เศรษฐกิจ แต่นโยบายของทรัสส์มีความผิดพลาดเกิดขึ้น แม้ว่าจะเป็น “เป้าหมายอันสูงส่ง” ของทรัสส์ก็ตาม อย่างไรก็ดี ตนได้รับความไว้ใจในการรับเลือกมาเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมคนใหม่ และขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสหราชอาณาจักร “งานของเราเราขึ้นในทันที” ซูนัคระบุ พร้อมกันกับการย้ำเตือนว่า ตนจะเข้ามาแก้ไขวิกฤตที่สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญอยู่ เพื่อลูกหลานของคนในชาติ

ซูนัคยังได้กล่าวขอบคุณถึง บอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรีในยุคที่ตนดำรงตำหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ใน “ความสำเร็จอันน่าเหลือเชื่อ” ของจอห์นสันในฐานะนายกรัฐมนตรี และตนจะระลึกถึงความอบอุ่นและน้ำจิตน้ำใจของจอห์นสันเสมอ อย่างไรก็ดี ซูนัคไม่ได้กล่าวถึงทรัสส์เพิ่มเติม นอกจากระบุว่ามีความผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่นดินขึ้น แม้จะเป็นความพยายามที่สูงส่งของทรัสส์ก็ตาม

ซูนัคย้ำว่า ตนจะเดินหน้าทำงาน “วันต่อวัน” ก่อนย้ำว่า “ผมจะทำให้ประเทศของเราเป็นหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแต่คำพูด แต่ผ่านการกระทำ” ซูนัคยังระบุอีกว่า “ความไว้ใจถูกส่งมาแล้ว และผมจะต้องส่งคืนไปแด่พวกคุณ” ทั้งนี้ ซูนัคจะเริ่มการทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่มีเชื้อสายอินเดียปัญจาบและนับถือศาสนาฮินดูคนแรก และเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในรอบประวัติศาสตร์ 200 ปีของประเทศ ด้วยวัย 42 ปี ทันทีในวันนี้ “ด้วยความร่วมมือกัน เราจะสามารถพิชิตสิ่งที่เหลือเชื่อได้” ซูนัคกล่าวปิดท้าย ก่อนเดินเข้าบ้านหมายเลข 10 พร้อมเสียงปรบมือต้อนรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ก่อนหน้านี้ ซูนัคที่กลายมาเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมเพียงคนเดียว ภายหลังจากการถอนตัวจากการแข่งขันโดย จอห์นสัน และ เพนนี มอร์แดนท์ ระบุว่า สหราชอาณาจักรยังคงเผชิญหน้ากับ “ความท้าท้ายอย่างยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจ” สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง ที่ทำให้ทรัสส์ไม่สามารถยื้อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปต่อได้ จนเธอต้องลาออกจากตำแหน่งหลังเป็นนายกรัฐมนตรีมาได้แค่เพียง 49 วัน

ซูนัคมีแนวนโยบายในการขึ้นภาษีและลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล เพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศที่ถดถอยลงอย่างหนัก แตกต่างจากทรัสส์ที่ดำเนินนโยบายลดภาษีคนรวย เพื่อหวังกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งถูกมองว่าเป็นโยบายที่สุดโต่งและไม่ตอบโจทย์กับสภาพเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ทรัสส์ไม่ได้กล่าวขอโทษจากการบริหารงานที่ประชาชนมองว่าผิดพลาดแต่อย่างใด

ทั้งนี้ มีการจับตาว่าซูนัคจะแต่งตั้งใครขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของสหราชอาณาจักรชุดใหม่ ซึ่งนับเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญในทางการเมืองของสหราชอาณาจักรทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ 

นอกจากนี้ ซูนัคยังจะต้องผสานความแตกแยกในพรรคอนุรักษนิยม โดยซูนัคได้กล่าวในช่วงเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) ว่า พรรคอนุรักษนิยมจะต้อง “เป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่ก็ตาย” ทั้งนี้ มีผลสำรวจเผยว่า พรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน กำลังได้รับคะแนนนิยมอย่างมาก ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านต่างเรียกร้องให้รัฐบาลของพรรคอนุรักษนิยมประกาศยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ทั้งนี้ สมัยสภาสหราชอาณาจักรจะมีไปถึงช่วงเดือน ม.ค. 2568 ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปหากไม่มีการยุบสภา