ไม่พบผลการค้นหา
World Trend - 3 ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจีนขาดทุนรวม 165,000 ล้านดอลลาร์ - Short Clip
World Trend - แอมะซอนอาจกลายเป็นบริษัทมูลค่ามากที่สุดในโลก - Short Clip
World Trend - แอปเปิลสั่งลดการผลิตไอโฟนรุ่นใหม่ลง 20 % - Short Clip
World Trend - ทำความรู้จัก 'แดเนียล จาง' ผู้สืบทอดอาณาจักรอาลีบาบา - Short Clip
World Trend - หัวเว่ย ยอดขายพุ่ง 15 เปอร์เซ็นต์ในครึ่งปีแรก - Short Clip
World Trend - ​อดีตภรรยา 'เบซอส' บริจาคเงิน 50% ให้การกุศล - Short Clip
World Trend - กูเกิล-เฟซบุ๊ก 'เอาอยู่' แม้เผชิญข่าวฉาวตลอดปี 2018 - Short Clip
World Trend - 'แจ็ก หม่า' ยังไม่เกษียณตัวเองจากอาลีบาบาเร็ว ๆ นี้ - Short Clip
World Trend - บริษัทต่างชาติพึ่ง 'อาลีบาบา' เพื่อผลิตสินค้าโดนใจชาวจีน - Short Clip
World Trend - ยอดขายหัวเว่ยทะลุแสนล้าน แม้ถูกกีดกันจากทั่วโลก - Short Clip
World Trend - 'แอมะซอน' แซง 'แอปเปิล' เป็นบริษัทมูลค่าสูงสุด - Short Clip
World Trend - ไมโครซอฟท์ แซงแอมะซอน เป็นบริษัทมูลค่าสูงอันดับ 2 - Short Clip
World Trend - เทสลาปิดโชว์รูมลดต้นทุน เดินหน้าขายออนไลน์ - Short Clip
World Trend - อาลีบาบาขึ้นแท่นแบรนด์มูลค่าสูงสุดในจีน - Short Clip
World Trend - อีลอน มัสก์ พิจารณาถอน 'เทสลา' ออกจากตลาดหลักทรัพย์ - Short Clip
World Trend - มาเลเซียจะกลับมาเป็น 'เสือแห่งอาเซียน' ใน 3 ปี - Short Clip
World Trend - ทรัมป์ค้านฝรั่งเศสเก็บภาษีบริษัทไอที - Short Clip
World Trend - 3 วิธีแก้มือ เพิ่มยอดขาย-เรียกความเชื่อมั่นคืนสู่ 'แอปเปิล' - Short Clip
World Trend - 'เนื้อสัตว์ทดแทน' อุตสาหกรรมใหม่ที่อาจโตอีก 20 เท่า - Short Clip
World Trend - 22 ใน 30 เมืองมลพิษสูงสุดของโลกอยู่ในอินเดีย - Short Clip
World Trend - ไป่ตู้ - อาลีบาบา - เทนเซ็นต์ กำไรลดฮวบช่วงครึ่งปีหลัง 2018 - Short Clip
Oct 3, 2018 16:31

3 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนขาดทุนรวม 165,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลจากหลายปัจจัย รวมถึงสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งสวนทางกับความเฟื่องฟูของธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกอย่างสิ้นเชิง

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนอย่างบริษัทไป่ตู้ อาลีบาบา และเทนเซ็นต์ หรือที่เรียกรวมกันว่า BATs สร้างผลกำไรเป็นมูลค่ามหาศาล และดูไม่มีทีท่าว่าผลประกอบการจะลดลงตลอดทั้งปีนี้ โดยทั้ง 3 บริษัทสามารถทำเงินได้อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงครึ่งปีแรกของปี 2018 จนมูลค่าหุ้นสามารถแตะตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ครึ่งปีหลังสถานการณ์ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป บรรดานักลงทุนของกลุ่มบริษัท BATs ต่างเริ่มกังวลกันมากขึ้น เมื่อมูลค่าหุ้นของทั้ง 3 บริษัทเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง จนในขณะนี้หากคิดมูลค่ารวมกันแล้ว ทั้ง 3 บริษัทสูญเสียมูลค่าทางการตลาดไปแล้วมากถึง 165,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5.3 ล้านล้านบาทในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปีที่ผ่านมา โดยแต่ละบริษัทมีสาเหตุที่แตกต่างกัน

อาลีบาบาและไป่ตู้ต่างประสบปัญหาที่คล้ายกัน นั่นคือการเทขายหุ้นจำนวนมากจนทำให้มูลค่าหุ้นนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลกระทบโดยตรงมาจากการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ขณะที่บริษัทเทนเซ็นต์ ผู้ผลิตเกมรายใหญ่จากจีน กำลังได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการติดเกมของเยาวชนจีน โดยการนำปัญหาการเล่นเกมที่มากเกินไปขึ้นมาเป็นประเด็นหลักที่ทำให้สุขภาพด้านสายตาของเด็กแย่ลงก่อนวัยอันควร เป็นผลทำให้มีการออกกฎจำกัดเวลาการเล่นเกมขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ามาตรการดังกล่าวทำให้กำไรของบริษัทลดลงทันที

เมื่อลองมองย้อนดูช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ บริษัทเทนเซ็นต์เติบโตอย่างมากที่ 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017 เป็นผลมาจากความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องของบริการต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้บริษัทเทนเซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็น WeChat แอปพลิเคชันส่งข้อความที่ได้รับความนิยมสูงสุดในจีนด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากถึง 1 พันล้านคนต่อเดือน และยังมีบริการชำระเงินออนไลน์อย่าง WeChat Pay ที่สร้างฐานลูกค้าเพิ่มอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ขณะที่บริษัทอาลีบาบามีการเติบโตสูงถึง 61 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 2 ด้วยการเร่งผลักดันการเติบโตของบริการหลักต่าง ๆ ท่ามกลางความพยายามของนายแจ็ก หม่า ในการส่งไม้ต่อให้กับนายแดเนียล จาง CEO ของอาลีบาบาที่จะมารับหน้าที่แทนในอีก 1 ปีอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนบริษัทไป่ตู้ก็เติบโตอย่างแข็งแกร่งไปในทิศทางเดียวกันที่ 32 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการเร่งพัฒนาระบบการค้นหาข้อมูล หรือเสิร์ชเอนจิน ที่มีผู้ใช้งานสูงสุดในจีน และมีผู้ใช้มากเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยล่าสุดได้ทุ่มเงินลงทุนมูลค่ามหาศาลไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ และรถยนต์ไร้คนขับอีกด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กลุ่มบริษัท BATs ได้ใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ มากมาย จนทำให้ขณะนี้นอกจากจะเป็น 3 ยักษ์ใหญ่บริษัทด้านเทคโนโลยีแล้ว เรายังอาจเรียกพวกเขาว่าเป็นนักลงทุน 3 รายใหญ่สัญชาติจีนได้อีกด้วย โดยล่าสุดนักวิเคราะห์เศรษฐกิจจากบริษัท Bernstein Analyst ถึงขั้นเรียกบริษัทเทนเซ็นต์ว่าเป็น “SoftBank of China” เลยทีเดียว เนื่องจากบริษัท Softbank ของญี่ปุ่นนั้นก็มีแนวทางการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกคล้าย ๆ กัน และเป็นบริษัทนักลงทุนรายใหญ่ที่มีเงินอยู่ในกองทุน Vision Fund 100,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3.2 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลเช่นนี้จะถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ค่อนข้างเสี่ยง เนื่องจากควา���อยู่รอดนั้นขึ้นอยู่กับกำไรที่ทั้งสามบริษัทจะสามารถทำได้จากบรรดาบริษัทน้อยใหญ่ที่พวกเขาเลือกเข้าไปลงทุน หากมองในแง่ดี การกระจายความเสี่ยงเช่นนี้อาจสร้างผลกำไรมูลค่ามากกว่าเงินลงทุนหลายเท่าตัวในอนาคต และผลประกอบการที่กลุ่มบริษัท BATs จะสามารถทำได้นั้นน่าจะสร้างผลกำไรงามให้กับบรรดานักลงทุนที่เข้าซื้อหุ้น IPO ของพวกเขาอีกด้วย

นอกจากนั้น อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะยังคงสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งไป่ตู้ อาลีบาบา และเทนเซ็นต์ แม้ว่าปัจจุบันพวกเขาจะขาดทุนเป็นมูลค่ามหาศาล ก็คือการควบคุมตลาดของรัฐบาลจีนที่ขณะนี้ยังไม่มีคู่แข่งรายอื่นสามารถเข้ามาแย่งตลาดใหญ่ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ได้ โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก แอมะซอน เน็ตฟลิกซ์ และกูเกิล หรือที่เรียกรวมกันว่ากลุ่มบริษัท FANGs 

โดยบริษัทกูเกิลได้ถอนตัวออกจากตลาดจีนไปตั้งแต่ปี 2010 เนื่องจากกังวลประเด็นความไม่ปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งานและระบบปฏิบัติการ ซึ่งทางการจีนอาจใช้อำนาจเข้ามาแทรกแซงและทำให้ข้อมูลหลายอย่างอาจถูกบล็อกจากกองเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีน ขณะที่โซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่างเฟซบุ๊กถูกทางการจีนแบน การให้บริการรับชมวิดีโอสตรีมมิงของเน็ตฟลิกซ์ก็ยังไม่สามารถเปิดให้บริการในจีนได้ อีกทั้งบริษัทแอมะซอนที่ได้เริ่มเข้าไปทำตลาดในจีนบ้างแล้วก็ยังเป็นธุรกิจที่เล็กอยู่มาก

สำนักข่าว CNBC รายงานต่ออีกว่า แม้ทางบริษัทกูเกิลจะพยายามหาทางเข้าทำตลาดในจีน แต่ก็ต้องต่อสู้กับธุรกิจท้องถิ่นที่แข็งแกร่งอย่างไป่ตู้ แอมะซอนจะต้องเผชิญกับความท้าทายของอีคอมเมิร์ซท้องถิ่นอย่างอาลีบาบา เฟซบุ๊กก็ยังมีเทนเซ็นต์ที่เป็นคู่แข่งที่ยากจะเอาชนะ ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงทำให้เห็นว่าแม้จีนจะเป็นตลาดใหญ่ที่กลุ่มบริษัท FANGs จ้องจะเข้ามาตีตลาด แต่ก็ยังไกลเกินเอื้อมอยู่มาก 

เราจึงอาจสรุปสถานการณ์ในขณะนี้ได้ว่า แม้สภาวะของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะยังคงยืดเยื้อ และทางการจีนเองก็ออกกฎมาซึ่งขัดต่อการทำธุรกิจของบริษัทในท้องถิ่น และนั่นอาจจะทำให้กลุ่มบริษัท BATs ต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2018 นี้ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งไป่ตู้ อาลีบาบา และเทนเซ็นต์ ก็จะยังอยู่รอดในฐานะ 3 ธุรกิจด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนต่อไป


Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog