อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้าให้ปากคำป.ป.ช. ขณะอดีตประธานหน่วยงานปราบปรามการทุจริตเผย เคยถูกคุกคามระหว่างสอบเงินปริศนากว่า 300 ล้านบาทในบัญชีธนาคารของ นาจิบ ราซัก
เมื่อวันอังคารที่ 22 พฤษภาคม 2561 อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัก เข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงิน 10.6 ล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 340 ล้านบาท ซึ่งต้องสงสัยว่าถ่ายโอนมาจากกองทุนย่อยของกองทุนวันเอ็มดีบี กองทุนย่อยดังกล่าวมีชื่อว่า เอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านพลังงานในต่างประเทศ รัฐบาลของนายนาจิบจัดตั้งเอสอาร์ซีขึ้นเมื่อปี 2011โดยเป็นส่วนหนึ่งของวันเอ็มดีบี
ป.ป.ช.มาเลเซียสามารถแกะรอยเส้นทางการเงินของเอสอาร์ซีได้ง่ายกว่า เพราะเงินถูกถ่ายโอนผ่านหน่วยงานของมาเลเซียเอง ในขณะที่เงินของวันเอ็มดีบีถูกโยกย้ายผ่านบริษัทและธนาคารของต่างชาติ
ทั้งนี้ รัฐบาลของมหาเธร์ โมฮัมหมัด ได้แต่งตั้ง 'นายชุกรี อับดุล' กลับเข้ามานั่งเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช. อีกครั้ง หลังจากเขาขอเกษียณเนื่องจากถูกข่มขู่คุกคามในสมัยรัฐบาลนาจิบ
นายซุกรี เปิดแถลงข่าวหลังจากนายนาจิบ เดินทางถึง ป.ป.ช. โดยกล่าวถึงความพยายามของรัฐบาลชุดก่อน ที่จะขัดขวางการตรวจสอบขององค์กรอิสระ พร้อมกับเล่าว่า เมื่อปี 2015 ขณะที่ ป.ป.ช. ที่มีตัวเขาเป็นประธานกำลังจะเปิดการสอบสวนข้อกล่าวหาที่ว่า นายนาจิบยักยอกเงินจากกองทุนเอสอาร์ซี รัฐบาลนาจิบได้สั่งปลดอัยการสูงสุด ทำให้ ป.ป.ช.หยุดการตรวจสอบ
เขาเล่าพลางน้ำตาไหลว่า ในตอนนั้น การข่าวของ ป.ป.ช. ทราบมาว่าตนจะถูกจับกุมและควบคุมตัว เพราะตนถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนสมคบคิดที่จะโค่นล้มรัฐบาล มีกระสุนปืนส่งไปที่บ้านของตน พยานถูกลักพาตัว บางคนถูกเค้นถามว่าให้ข้อมูลอะไรกับป.ป.ช.ไปบ้าง และตนถูกขอให้เกษียณก่อนกำหนด ในที่สุด ตนจึงตัดสินใจเกษียณในปี 2016
ทางด้านนายนาจิบ เดินทางกลับออกจากสำนักงาน ป.ป.ช. หลังให้ปากคำเป็นเวลา 5 ชั่วโมง โดยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ปฏิบัติงานแบบมืออาชีพ และว่า ตนมีกำหนดเข้าให้ข้อมูลอีกครั้งในวันพฤหัสบดี