ที่ปรึกษาอองซาน ซูจี ร้อง 'บ้าไปแล้ว' จีนเคาะราคา 2.34 แสนล้านบาท สร้างท่าเรือน้ำลึกในเมียนมาตามแผนการ Belt and Road หวั่นสร้างเสร็จไม่มีปัญญาจ่ายหนี้ ต้องยกให้จีนเช่า 99 ปีซ้ำรอยศรีลังกา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายฌอน เทอร์เนล ที่ปรึกษาของอองซาน ซูจี ผู้นำเมียนมา กล่าวในงานสัมมนาที่สิงคโปร์เมื่อวันศุกร์ (25 พ.ค.61) ว่า มูลค่าการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก 'จ๊อกผิ่ว' ที่บรรษัทลงทุนของรัฐบาลจีนประเมินไว้ที่ 7,500 ล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 2.34 แสนล้านบาท เป็นราคาที่สูงเกินกว่าเมียนมาร์จะรับได้
นักวิชาการของมหาวิทยาลัยแม็กไควร์ในออสเตรเลีย ซึ่งศึกษาเศรษฐกิจของเมียนมามานานกว่า 25 ปี วิจารณ์ราคาค่าก่อสร้างท่าเรือดังกล่าวว่า 'บ้าไปแล้ว' ทั้งนี้ โครงการส่วนขยายของคลองปานามา มีมูลค่าก่อสร้าง 5,250 ล้านดอลลาร์ฯ แต่ท่าเรือจ๊อกผิ่วจะใช้เงินมากถึง 7,500 ล้านดอลลาร์ฯ นับเป็นเรื่อง 'ไร้สาระ'
ซิติก กรุ๊ป บรรษัทลงทุนของรัฐบาลจีน ชนะประมูลโครงการท่าเรือดังกล่าวเมื่อ 3 ปีก่อน โดยประเมินมูลค่าก่อสร้างท่าเรือและเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เชื่อมโยงกัน รวมเป็นเงิน10,000 ล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 3.19 แสนล้านบาท ซิติกเสนอที่จะถือหุ้นโครงการในสัดส่วน 70 % ส่วนที่เหลือจะเป็นการถือหุ้นคนละครึ่งระหว่างรัฐบาลเมียนมากับกิจการร่วมค้าของเมียนมา ทั้งนี้ บรรษัทของจีนจะบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นเวลา 75 ปี โดยจะสนับสนุนเงินกู้ในส่วนที่เป็นหุ้นของรัฐบาลเมียนมา และที่ผ่านมา จีนกับเมียนมายังเจรจาไม่ได้ข้อยุติเกี่ยวกับเงื่อนไขการลงทุนของโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ Belt and Road ของจีน
ที่ปรึกษาของอองซาน ซูจี กล่าวอีกว่า เรื่องที่รัฐบาลเมียนมาเป็นกังวลที่สุด คือ บทเรียนจากโครงการท่าเรือฮัมบันโททาของศรีลังกา มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งรัฐบาลโคลอมโบต้องกู้เงินจำนวนมหาศาล แต่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงจำเป็นต้องยกให้จีนเช่าเป็นเวลา 99 ปีเพื่อปลดหนี้ ถ้าเดินหน้าสร้างท่าเรือจ๊อกผิ่ว เมียนมาต้องกู้เงินจากธนาคารเอ็กซิมแบงก์ของจีนประมาณ 2,000-3,000 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ศรีลังกาเคยทำนั่นเอง
ทั้งนี้ ที่ปรึกษาของอองซาน ซูจี ยังกล่าวว่า 'ประเทศที่เจรจากับจีนในแผนการ Belt and Road ต้องคิดถึงผลประโยชน์แห่งชาติของตัวเองให้ดีๆ โดยต้องมีการบริหารที่ไม่ทำให้ประเทศต้องแบกภาระหนี้สิน'