เอเชียลงทุนมหาศาลให้ประชากรเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ช่องว่างระหว่างความสามารถทางภาษาอังกฤษในประเทศต่างๆ ในเอเชียกลับสูงมาก
บริษัท EF English First ได้จัดทำดัชนีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่มากกว่า 1 ล้านคนจาก 80 ประเทศและเขตปกครอง โดยดัชนีดังกล่าวระบุว่า เอเชียเป็นทวีปที่ประชากรมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากยุโรป โดยในบรรดาประเทศเอเชียด้วยกัน สิงคโปร์ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง และเกาหลีใต้
ผู้อำนวยการด้านการวิจัยของ EF ประจำฮ่องกงแสดงความเห็นว่า ผลการจัดอันดับนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย เพราะเอเชียลงทุนสูงมากกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ในฐานะที่เอเชียเป็นฟันเฟืองสำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก ทักษะภาษาอังกฤษที่ดียิ่งส่งเสริมให้เศรษฐกิจของเอเชียเติบโตรวดเร็วขึ้น นักลงทุนทั่วโลกเข้าไปลงทุนในเอเชีย และเอเชียก็ออกไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน
อย่างไรก็ตาม เอเชียก็ยังมีช่องว่างความแตกต่างด้านความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษอย่างมาก เพราะในขณะที่สิงคโปร์อยู่อันดับ 5 จากทั้งหมด 80 ประเทศ และเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่มีทักษะภาษาอังกฤษระดับดีมาก แต่อีก 12 ประเทศเอเชียจากทั้งหมด 19 ประเทศอยู่ในระดับต่ำถึงต่ำมาก โดยไทยอยู่ในอันดับ 53 กัมพูชาอยู่ในอันดับ 77 และลาวอยู่อันดับสุดท้ายที่ 80
นิตยสาร Forbes ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษจะแปรผันไปตามการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับชาติและระดับปัจเจกบุคคล โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ จีน โดยช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ทักษะภาษาอังกฤษของชาวจีนดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยช่วงหลายปีมานี้ ชาวจีนมีค่านิยมในการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ ทำให้จีนมีนักเรียนนักศึกษาออกไปเรียนต่างประเทศมากกว่า 500,000 คนต่อปี และการจะไปเรียนต่างประเทศได้ ทุกคนก็ต้องตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ดี เมื่อไปเรียนต่างประเทศจบแล้ว กลับไปพวกเขาก็จะกลายเป็นคนชนชั้นนำในสังคมจีน
การแข่งขันที่สูงมากในจีน ทำให้จีนเป็นตลาดใหญ่มากสำหรับธุรกิจสถาบันภาษา โดยกระทรวงศึกษาธิการจีนประเมินว่า ในปี 2015 มีการลงทุนเรียนภาษาอังกฤษในประเทศมากถึง 4,900 ล้านดอลลาร์ และน่าจะเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 12 - 15 ต่อปี อย่างไรก็ตาม จีนกลับยังไม่ใช่ประเทศที่ลงทุนไปกับการเรียนภาษาอังกฤษมากที่สุด แต่เป็นเกาหลีใต้ ที่มีการเรียนภาษาอังกฤษกับสถาบันเอกชนประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่นับการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ถือว่ามีการจ่ายเงินเรียนภาษาอังกฤษให้กับสถาบันเอกชนต่อหัวมากที่สุดในโลก