สหรัฐฯ กำลังเกิดวิกฤตชัตดาวน์รัฐบาล หลังสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณประจำปีได้ทันเวลา เนื่องจากสมาชิกพรคเดโมแครตและรีพับลิกันบางส่วนไม่พอใจการจัดสรรงบประมาณ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ไม่พยายามหาทางประณีประนอมแต่อย่างใด เมื่อชัตดาวน์รัฐบาลแล้ว เกิดผลกระทบอย่างไรบ้าง
การชัตดาวน์รัฐบาลทำให้หน่วยงานรัฐบางส่วนต้องระงับการทำการชั่วคราว เจ้าหน้าที่รัฐจะเหลือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น จนกว่าจะได้งบประมาณของปี 2018 แต่สำหรับคนที่ต้องเดินทางไปสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก เนื่องจากวิทยุการบินไม่ได้รับผลกระทบจากการชัตดาวน์ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านคมนาคมจะถูกพักงานเพียง 4,430 คนเท่านั้น จากเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเกือบ 58,300 คน
นักท่องเที่ยวที่ไปสหรัฐฯ ในช่วงนี้ พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียนในกรุงวอชิงตันก็ยังเปิดให้บริการ และยังสามารถไปถ่ายรูปอนุสาวรีย์ต่างๆได้ รวมถึง อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ที่รัฐบาลท้องถิ่นนิวยอร์กประกาศว่าจะจ่ายเงินเอง เพื่อให้ยังเปิดให้บริการได้โดยไม่ง้องบประมาณกลาง นอกจากนี้ก็ยังสามารถเข้าชมอุทยานแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้โดยปฏิบัติตามขั้นตอนและกฎเกณฑ์ของทางการสหรัฐฯ เหมือนเดิม แต่จะไม่มีพนักงานให้ข้อมูลหรืออำนวยความสะดวกให้ อย่างไรก็ตาม ที่พัก ร้านอาหารและบริการอื่นๆ ที่เอกชนประมูลสัมปทานไปก็อาจยังให้บริการอยู่
อย่างไรก็ตาม การชัตดาวน์นี้จะทำให้นักท่องเที่ยวอดเข้าไปทัวร์ในองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติหรือ นาซ่า เพราะพนักงานประมาณ17,500 คนหรือเกือบร้อยละ 85 ต้องพักงาน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังคงเปิดทำการโดยมีพนักงานทำงานกันเต็มที่หากการชัตดาวน์กินเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่ตลาดฟิวเจอร์ได้สั่งพักงานพนักงานร้อยละ 95 ทันทีที่มีการชัตดาวน์ ทำให้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนเทขายตลาดฟิวเจอร์กัน แต่นักลงทุนก็มองว่า หากการชัตดาวน์ไม่ยืดเยื้อออกไป ตลาดทุนอาจไม่ได้รับผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม หากการชัตดาวน์ยืดเยื้อ ตลาดหุ้นที่วิ่งขึ้นมาเรื่อยๆ อาจชะงัก หรือร่วงลงมา ไม่ใช่เพราะการชัตดาวน์โดยตรง แต่เพราะความมั่นคงทางการเมืองลดลง
การชัตดาวน์ที่ยืดเยื้ออาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกไม่ดีเท่าที่ควร เพราะการพักงานเจ้าหน้าที่รัฐจะเป็นการแช่งแข็งสัญญาทางธุรกิจระหว่างรัฐบาลกับเอกชนไปด้วย ทั้งบริษัทเล็กและใหญ่ และแม้ท้ายที่สุด พนักงานรัฐอาจได้เงินตกเบิกจากการชัตดาวน์ แต่ประสิทธิภาพที่ได้จากการทำงานลดลง ทั้งที่เรื่องเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่นายทรัมป์ยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างความสำเร็จของรัฐบาลของเขา โดย S&P ได้ออกรายงานวิเคราะห์ว่า ในแต่ละสัปดาห์ที่มีการชัตดาวน์รัฐบาล จะทำให้เศรษฐกิจสูญเสียเงินไปถึง 6,500 ล้านดอลลาร์ หรือจะทำให้จีดีพีลดลง 0.2
ผลกระทบของการชัตดาวน์ยังมีอีกมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผลกระทบภายในสหรัฐฯ เอง ไม่ค่อยส่งผลถึงต่างชาติมากนัก เช่น พนักงานรัฐที่มีรายได้น้อย เช่น แม่บ้านและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะขาดรายได้ในช่วงที่มีการชัตดาวน์ แม้จะได้รับเงินตกเบิก แต่ช่วงที่ไม่ได้รับเงินก็ยังลำบากมาก พนักงานในกรมสรรพากรกว่าครึ่งจะถูกพักงาน ทำให้การตรวจสอบภาษีหยุดชะงัก ทหารอเมริกันก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปโดยไม่ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ และครอบครัวทหารที่เสียชีวิตก็จะไม่ได้รับเงินสนับสนุน จนกว่าจะมีการผ่านร่างงบประมาณออกมา โรงเรียนอนุบาลสำหรับเด็กที่ครอบครัวมีรายได้น้อยจะต้องปิดชั่วคราว
