จากเกมซูเปอร์โบวล์นัดที่เพเทรียตส์เอาชนะแรมส์ไปได้ 13 ต่อ 3 เมื่อวานนี้ (4 ก.พ.2019) ทำให้เกิดสถิติและตัวเลขที่น่าสนใจหลายประการ รวมไปถึงเกิดความก้าวหน้าด้านความเท่าเทียมทางเพศ ขณะเดียวกัน ก็ยังมีมาตรฐานที่เหลื่อมล้ำให้เห็นอยู่
เมื่อเช้าวานนี้ (4 ก.พ.2019) ตามเวลาประเทศไทย อย่างที่ทราบกันว่ามีการแข่งขันนัดชิงแชมป์ลีกอเมริกันฟุตบอล NFL หรือ ซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 53 เกิดขึ้น และนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ ก็ใช้ความเก๋าเอาชนะ ลอสแองเจลิส แรมส์ ไปได้ 13 ต่อ 3 ซึ่งถือเป็นสกอร์ที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ของซูเปอร์โบวล์ ทำลายสถติเดิมเมื่อปี 1973 ที่ ไมอามี ดอลฟินส์ เอาชนะ วอชิงตัน เรดสกินส์ ไป 14 ต่อ 7
ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งสถิติที่แฟนเพเทรียตส์ต่างภาคภูมิใจ ก็คือการที่ ทอม เบรดี ควอร์เตอร์แบ็กมากประสบการณ์ของทีม และเป็นที่รู้จักในฐานะสามีของ จิเซล บุนเชน กลายเป็นควอร์เตอร์แบ็กอายุมากที่สุด ที่ออกสตาร์ตในเกมซูเปอร์โบวล์ และควอร์เตอร์แบ็กอายุมากที่สุด ที่คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ไปได้ ขณะอายุ 41 ปี แซงหน้าสถิติเดิมของ เพตัน แมนนิง เมื่อ 3 ปีก่อน ที่คว้าแชมป์กับ เดนเวอร์ บรองโกส์ ขณะอายุ 39 ปี
อีกหนึ่งตัวเลขที่น่าสนใจคือ จำนวนผู้ชมที่เปิดดูการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นอีเวนต์ที่กีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก โดยเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.2019) มีผู้ชมเกมรวมทุกช่องทางทั้งสิ้น 100.7 ล้านคน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตัวเลขที่สูงและน่าพอใจ แต่กลับลดลงจากปีที่แล้ว 5 % หรือก็คือจาก 106 ล้านคน เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ เมื่อคิดเป็นสัดส่วนจำนวนครัวเรือนที่เปิดดูการแข่งขันใน 56 ประเทศหลักที่มีการถ่ายทอด พบว่า ปีนี้มีครัวเรือนที่ดู 44.9 % ส่วนปีที่แล้วมี 47.4 % อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ชมที่ลดลงไม่ได้ทำให้ช่อง CBS ที่ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเสียผลประโยชน์แต่อย่างใด เพราะราคาสปอตโฆษณาที่สูงถึงเฉลี่ย 5.2 ล้านดอลลาร์ หรือ 163 ล้านบาท ต่อ 30 วินาที ถือเป็นราคาที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง
ข้ามมาที่เงินอีกประเภทหนึ่งที่คาดการณ์กันไว้แล้วว่าจะสะพัดในช่วงการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ปีนี้ นั่นก็คือ 'เงินพนัน' โดยล่าสุด FanDuel บริการแทงพนันในสหรัฐฯ ออกมาประกาศว่าบริษัทสูญเงินไปทั้งสิ้น 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 157 ล้านบาท จากการรับพนันในนิวเจอร์ซีย์เพียงแห่งเดียว ซึ่งถือเป็นการพนันกีฬาแรกในนิวเจอร์ซีย์ที่ให้ประโยชน์กับผู้เล่นมากกว่าบ่อน เนื่องจาก 75 % ของผู้เล่น แทงว่าเพเทรียตส์จะชนะ ขณะที่ DraftKings ประกาศว่าจ่ายไปทั้งสิ้น 11 ล้านดอลลาร์ หรือ 344 ล้านบาท โดยที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ระบุแต่เพียงว่า เป็นการสูญเสียที่ไม่มากนักหากเทียบกับเงินหมุนเวียนส่วนที่เหลือ
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าจับตาและถือเป็นเรื่องที่ดีในศึกซูเปอร์โบวล์ครั้งนี้ ก็คือการมีเชียร์ลีดเดอร์ชายลงสนามซูเปอร์โบวล์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยเป็น 2 เชียร์ลีดเดอร์ จาก แอลเอ แรมส์ นั่นก็คือ 'ควินตัน เปรอน' และ 'นโปเลียน จินนีส์' ซึ่งนอกเหนือจากเกมนี้แล้ว ในฤดูกาลนี้ยังมี 'เจสซี เฮอร์นานเดส' จาก นิวออร์ลีนส์ เซนต์ส อีกหนึ่งคนด้วย การสร้างประวัติศาสตร์ครั้งนี้ทำให้มีผู้ชมส่วนให้ออกมาให้ความเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะ 'นี่คือปี 2019 แล้ว'
ขณะเดียวกัน ความก้าวหน้าด้านความเท่าเทียมดังกล่าวกลับถูกบดบังด้วยอีกหัวข้อข่าวหนึ่ง ที่วิพากษ์วิจารณ์การแสดงพักครึ่งของวงมารูน ไฟฟ์ นอกเหนือจากที่วงถูกตำหนิว่าเล่นโชว์ได้น่าเบื่อและไม่มีพลัง โดยแฟน ๆ ของ เจเน็ต แจ็กสัน ออกมาตั้งคำถามว่า การใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นของ อดัม เลอวีน รวมไปถึงการโชว์หัวนมและแผงอกอย่างที่ทำไป ทำไมจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ หรือเพียงเพราะเขาเป็นผู้ชาย จึงไม่ถูกตำหนิในเรื่องนี้
หากยังจำกันได้ เมื่อ 15 ปีก่อน จัสติน ทิมเบอร์เลก เคยขึ้นโชว์กับ เจเน็ต แจ็กสัน และเกิด 'ความผิดพลาดด้านเสื้อผ้า' ขึ้น ทำให้ผู้ชมเห็นหน้าอกของแจ็กสัน ซึ่งแม้จะไม่ใช่สิ่งที่ทีมงานอยากให้เกิด และเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่แจ็กสันก็เป็นฝ่ายที่ถูกตำหนิอย่างหนักจากเหตุการณ์นั้น จนกลายเป็นข่าวลือตามมาว่า เลส มูนเวส ซีอีโอของช่อง CBS ขณะนั้น ถึงกับแบนแจ็กสันไม่ให้ขึ้นโชว์อีก ทั้งหมดนี้ทำให้ชาวเน็ตส่วนหนึ่งออกมาแสดงความเห็นว่า เจเน็ต แจ็กสัน ควรได้รับคำขอโทษ และสถานี รวมถึงลีก NFL ก็กำลังดำเนินงานแบบ 2 มาตรฐาน ซึ่งสำหรับกรณีนี้ โฆษกของแจ็กสันได้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการแสดงของเลอวีน