ไม่พบผลการค้นหา
'เพื่อไทย' เย้ย 'ประยุทธ์' เปิดหูฟังความจริงให้สมเป็นผู้นำ ชี้ 'โน้ส-อุดม' พูดจริงสะท้อนความรู้สึกคนไทย

คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยนำโดย พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม และ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวหัวข้อ 'ทำใจ ทำใจ ทำใจ สร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่'

พิชัย กล่าวว่า ตามที่มีกระจายคลิปของ โน้ส-อุดม แต้พานิช ที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานที่ล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ จนเป็นกระแสฮือฮาทั่วโซเซียล และเป็นแนวทางเดียวกับที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้วิพากษ์วิจารณ์พลเอกประยุทธ์ มาตลอด และเคยแถลงความล้มเหลว 10 ข้อไว้แล้ว ทั้งการเป็นรัฐบาลที่พึ่งไม่ได้ การกู้หนี้จากหลายชาติ ชาตินี้ใช้หนี้ไม่หมด แกล้งโกรธเพื่อกลบปัญหา โปร่งใสแต่ห้ามตรวจสอบ 

โดยเฉพาะเรื่องสร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่ ที่ปัญหาต่างๆ จะเพิ่มขึ้นใหม่และประดังเข้ามาอย่างแน่นอน ทั้งเรื่องเงินเฟ้อของไทยที่ยังสูงอยู่ที่ 6.41 %ในเดือนกันยายน การขาดดุลการค้าและขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และการขาดดุลการคลังจำนวนมากที่จะมีแผนกู้ใหม่ถึง 1.05 ล้านล้านบาทในปี 2566 ปัญหาดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นปัญหาใหม่ที่พลเอกประยุทธ์ ยังไม่รู้เลยว่าจะรับมืออย่างไรหรือพึ่งไม่ได้จริงตามที่โน้ส-อุดม บอก

ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลอ้างว่ามีนิตยสารจัดไทยอันดับ 5 ของเอเชีย ก็อยากให้รัฐบาลและ ธปท. ได้ฟังคำแนะนำของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) โดย Corinne Delechat หัวหน้าแผนกของเอเชีย แปซิฟิก ของไอเอ็มเอฟ และ เป็นหัวหน้าภารกิจในประเทศไทย ที่กล่าวเหมือนกับที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้เคยเตือนไว้แล้วหลายครั้ง โดยเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาตลอดจากปัจจัยความเสื่อมถอยหลายด้าน

ดังนั้นการที่จะฟื้นเศรษฐกิจไทยจะต้องปรับเปลี่ยนหลายด้านพร้อมๆกัน โดยเฉพาะการลงทุนทางด้านดิจิตอลและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวของกับภูมิอากาศและการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้เกาะกระแสการขยายตัวของการปรับเปลี่ยนด้านดิจิตอลและการปรับเปลี่ยนด้านสีเขียวหรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เร่งพัฒนาในการเป็นศูนย์กลางการค้าและศูนย์กลางการเงินของภูมิภาคจะขยายฐานเศรษฐกิจของไทยให้ทีการค้าการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น

ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับปัญหาของเศรษฐกิจโลกได้ ดังนั้นจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ฟังมุมมองจากไอเอ็มเอฟที่บอกเหมือนคณะทำงานพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้แล้วบ้าง จะได้เลิกอคติคิดว่าเป็นการโจมตี 

"ผู้นำต้องหัดฟัง ทั้งที่ IMF พูด และทั้งที่ โน้ส-อุดม พูด เพราะเป็นความจริงทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นคงไม่เป็นกระแสอย่างกว้างขวางเช่นนี้" พิชัย ระบุ


นำไทย-เชื่อมโลก

จักรพล แถลงว่า จากการที่เข้าประชุมเวทีประชุมสุดยอดประธานรัฐสภาของกลุ่ม G20 ทำให้ตนได้เห็นโอกาสในการพัฒนานโยบายและมาตรการระหว่างประเทศเพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลปัจจุบันว่าจะเห็นโอกาสและคว้าไว้หรือไม่

การประชุมดังกล่าว จะเน้น 3 สาระหลัก คือ 1.การสร้างเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงินของโลก 2.การเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างทางการเงิน และ 3.การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ทั้งชั้นนำและเศรษฐกิจเขตใหม่ และมีประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งหมด 4 หัวห้อ ได้แก่ 1.เร่งการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านเศรษฐกิจสีเขียว BCG 2.การภาวะขาดแคลนอาหารและพลังงาน

3.การสร้างรัฐสภาที่มีประสิทธิภาพและประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง 4.พลังทางสังคม โดยเฉพาะความเท่าเทียมทางเพศและพลังของผู้หญิง ซึ่งตนเองในฐานะตัวแทนประเทศไทยได้เข้าไปเสนอไอเดียต่างๆ เช่น Climate change การบ่งชี้ถึงวิกฤตความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน ความเท่าเทียมทางเพศ ความเข้มแข็งของระบบสภาบนพื้นฐานของประชาธิปไตย พลังของคนเยาวชนคนรุ่นใหม่ 

จักรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในอดีตสมัยพรรคไทยรักไทยได้นำนโยบายระหว่างประเทสมาใช้และทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น โดยผลการดำเนินงานในสมัยแรกมีการขยายตัวสูงสุดของ GDP อยู่ที่ 6.9% มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 23% อันเนื่องมาจากการเจรจาเปิดการค้าเสรีกับหลายประเทศ หนี้สาธารณะลดลงเหลือร้อยละ 47.8 ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยง่าย

และนโยบายการต่างประเทศที่มีนัยยะสำคัญในการพัฒนาประเทศ ภายใต้แนวคิด “เชื่อมไทย เชื่อมโลก” ไม่ว่าจะเป็นการทำนโยบายต่างประเทศเชิงรุก ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) กรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) และยังมีกรอบพหุภาคีอื่นๆอีกมากมาย และตนเชื่อว่าหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง บรรยากาศของความรุ่งเรืองของประเทศไทยจะกลับมาอย่างแน่นอน

“จากการเข้าร่วมประชุมที่ผ่านมาเห็นได้ว่ารัฐบาลยังขาดวิสัยทัศน์และความสามารถในการนำพาประเทศไทยไปสู่เวทีโลก ถึงแม้ว่ารัฐบาลได้มีการนำแนวคิดและหลักการของกระแสโลกมาใช้ แต่หารู้ไม่ว่าตนเองไม่มีความรู้และประสิทธิภาพเพียงพอในการบริหารประเทศ อยู่มาแล้ว 8 ปี แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับสวนทางกลับระยะเวลาที่ตนเองบริหาร ดังนั้นเพื่อไทยจึงขอเสนอตนเองสำหรับการพัฒนาประเทศอีกครั้ง และจะนำแนวคิด เชื่อมไทย เชื่อมโลก นำไทยกลับมาเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวเพื่อคุณภาพชีวิตประชาชนที่ดีขึ้นและเพื่ออนาคตที่สดใสของคนรุ่นถัดไป” จักรพล กล่าว


เร่งช่วยประชาชนแก้ท่วม

นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศไทยเป็นปัญหาที่สาคัญที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไข และปัจจุบันประเทศไทยได้เกิดภัยพิบัตินาท่วมหลายจังหวัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก รัฐบาลจึงควรเร่ง ช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาให้กับประชาชนโดยเร่งด่วน ทั้งการช่วยเหลือโดยเร่งด่วนในเบื้องต้น การช่วยเหลือหลังน้ำลด

สิ่งไหนที่ก่อให้เกิดประโยชน์และผลดีช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที สามารถยกเว้นระเบียบทางราชการได้ก็อยากให้รัฐบาลเร่งทำทันที โดยที่ไม่หวังผลในทางการทุจริตมากกว่าการช่วยเหลือประชาชน เพราะในบางเรื่อง ถ้ารอปฏิบัติตามระเบียบราชการมากเกินไป ก็จะไม่ทันท่วงทีในการแก้ไขปัญหาช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อน 

ทั้งนี้ ในการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2554 ท่านอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ชดเชยน้ำท่วมบ้านพักอาศัย และทรัพย์สินหลังละ 5,000 บาท ทรัพย์สินเครื่องมือประกอบอาชีพ ครอบครัวละไม่เกิน 10,000 บาท ไร่นาเกษตรกร ปลูกข้าวไร่ละ 2,222 บาท แต่ในปี 2564 รัฐบาลชุดปัจจุบันเยียวยาข้าวไร่ละ 1,340 บาท จึงอยาก ให้รัฐบาลได้พิจารณาเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบในครั้งนี โดยคำนึงถึงภาวะทางเศรษฐกิจ

และต้นทุนในปัจจุบัน การพัฒนาหลังน้ำลด รัฐบาลควรเร่งพัฒนาซ่อมแซมปรับปรุงถนนหนทางและ คันคลอง หรือเครื่องมือต่างๆที่ชารุดจากปัญหาอุทกภัยในครังนี้ โดยเฉพาะประตูระบายน้ำโดยเร่งด่วน เพราะหากมัวรองบประมาณประจำปีก็ไม่ทันต่อการแก้ไขปัญหาดังเช่นปัจจุบัน อาทิเช่น จังหวัดมหาสารคาม เมื่อปีที่2564 ที่ผ่านมาเกิดปัญหาอุทกภัย หลังนำ้ลดได้ทำเรื่องขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ในเรื่องการปรับปรุงซ่อมแซมสถานีสูบนา 2 แต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุน ทำให้ ปัญหาน้ำท่วมในครั้งนี้เครื่องมืออุปกรณ์ไม่มีความพร้อมในการระบายน้ำ และอีกหลายปัญหา 


ประกาศให้ชัดจะเอาอย่างไร

อนุสรณ์ กล่าวถึงกรณี วีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ และกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กระตุ้นให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รีบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หากไม่ลงมือทำ พรรคอาจล่มสลายเหมือนพรรคทหารในอดีต โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจดีใจจนทำตัวไม่ถูกหลังรอดพ้นจากปมเป็นนายกฯเกิน 8 ปี ช่วงเวลาที่สามารถเป็นนายกฯได้ถึงปี 2568 จะไม่มีความหมายเลย ถ้าประชาชนไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน 

8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน มองประชาชนเป็นพลทหารในค่ายที่พร้อมสั่งซ้ายหันขวาหันตามอำเภอใจหรือไม่ เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เข้าใจบริบทประชาชน ในที่สุดก็ไม่สามารถออกนโยบายที่โดนใจประชาชน การทำนโยบายจึงไม่สอดรับกับสภาพปัญหาที่แท้จริงของประเทศ ถ้าไม่นับสารพัดโฆษกที่ออกมาอวย ประชาชนส่วนใหญ่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าไปต่อไม่ไหว ก็เร่งประกาศให้ชัดหลังยุบสภาจะตัดสินใจวางมือทางการเมือง

“8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้เงินเกือบ 30 ล้านล้านบาท แต่ไม่มีนโยบายอะไรที่สำเร็จเป็นมรรคเป็นผล เศรษฐกิจวิกฤตหนัก หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยหรือ” อนุสรณ์ กล่าว