วันที่ 4 ก.ย. 2566 เวลา 13.00 น. เหล่าข้าราชการและผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ต่างรวมใจกันแสดงมุทิตาจิต อำลา และมอบดอกไม้ให้กับ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อย่างล้นหลาม บรรยากาศเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง โดย จุรินทร์ได้กล่าวขอบคุณข้าราชการ เจ้าหน้าที่ บุคลากรทุกคน ในการทุ่มเททำงานที่ผ่านมาตลอด 4 ปี

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทุกท่านมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความสำเร็จ ให้กับกระทรวงพาณิชย์ในช่วงระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา นับแต่ตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จนถึงวันนี้ ภายใต้ความร่วมมือร่วมใจของพวกเราทุกคน สามารถสร้างผลสำเร็จให้เกิดขึ้นกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อประโยชน์ของประเทศประชาชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงการประกันรายได้เกษตรกร ราคาพืชผลการเกษตรที่เรียกว่าดีที่สุดยุคหนึ่งนับตั้งแต่มีประเทศไทยมา พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ปัญหาค่าครองชีพ ที่เราทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยกันแก้ปัญหาจนวันนี้ไทยเป็นประเทศที่มีภาวะเงินเฟ้อต่ำที่สุดในอาเซียน ขอบคุณที่ช่วยทำงานร่วมกับภาคเอกชน ทำเงิน ทำรายได้จากการส่งออก ประสบความสำเร็จฟันฝ่าวิกฤติโควิด จนการส่งออกเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในยุคโควิดที่ผ่านมา 

ขอขอบคุณความร่วมมือของพวกเราทุกคนในการช่วยกันผลักดันความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศข้อตกลงต่างๆ จนปรากฏผลที่เป็นรูปธรรมไม่ว่าจะเป็น FTA ที่ใหญ่สุดในโลกมาสำเร็จตอนที่เราร่วมมือร่วมใจกันทำงานที่เรียกว่า RCEP จนถึงการทำ FTA ที่ค้างคาบางเรื่องแต่จวนจะสำเร็จ ในระยะเวลาอันใกล้ ไม่ว่าจะเป็น FTA ไทย-สหภาพยุโรป FTA ไทย-ยูเออี

FTA ไทยกับกลุ่มประเทศต่างๆ โดยเฉพาะนวัตกรรมใหม่ทางการเมืองที่ประสบความสำเร็จคือการทำ mini FTA หลายฉบับ กับเมืองรองทั่วโลกและหวังว่าเรื่องนี้จะเดินหน้าต่อไป รวมทั้งการเดินหน้าทรัพย์สินทางปัญญาอย่างน้อยที่ประชาชนสัมผัสได้และเข้าใจคือ วันนี้เรามี GI ครบทุกจังหวัด เป็นสิ่งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนต่อไป รวมทั้งการใช้ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลตั้ง MOC Online One Stop Service ช่วยจดทะเบียนการค้านิติบุคคลต่างๆ ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือการสร้างอนาคตให้กับคนรุ่นใหม่ เป็นนายตัวเองด้วยการสร้าง CEO Gen Z ให้กับประเทศ ไปแล้วกว่า 60,000 คน และงานอื่นๆ 

ทั้งหมดนี้คือผลสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของพวกเราร่วมกัน สำหรับวันนี้ ไม่วันนี้วันหน้าก็ต้องมาถึง หลังการเลือกตั้งก็ต้องมีรัฐบาลชุดใหม่ไม่ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเป็นใคร ก็ถึงวันที่ตนต้องอำลาพวกเราไป แต่ไม่ได้อำลาที่จะจากกันตลอดกาล แต่อำลาเพื่อแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตามวิถีทางของแต่ละฝ่ายต่อไป ตนอย่างน้อยก็ยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินต่อไป มีอะไรที่จะช่วยพวกเราได้ตนยินดีเสมอ และภาคภูมิใจตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เราภูมิใจมีความสุข และมีเกียรติที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับพวกเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นระดับไหน ความทรงจำนี้จะเก็บไว้ตลอดไป ขอให้พวกเรามั่นใจในการทำหน้าที่ของเราต่อไป ไม่ว่าจะอยู่ในรัฐบาลชุดไหนในอนาคต ตราบเท่าที่ยังไม่เกษียณอายุราชการขอให้ตั้งมั่นในการทำหน้าที่ ยึดประโยชน์ของประเทศบ้านเมืองประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักเพราะจะมีสิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้เรามีเกียรติยศมีศักดิ์ศรีในการทำหน้าที่ต่อไป ขอบคุณมุทิตาจิตที่ท่านปลัดกระทรวงนำพวกเรา และความปรารถนาดีที่มอบให้ตนและขอถือโอกาสนี้อำลาพวกเราทุกคน

ปชป. พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบนโยบายรัฐบาล 11 ก.ย.

จุรินทร์ กล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 ก.ย.นี้ โดยระบุว่า เป็นเรื่องฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ ฝ่ายนิติบัญญัติก็ต้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบนโยบายของรัฐบาล 

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พร้อมที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล และงานแรกในสภาคือการตรวจสอบนโยบาย ซึ่งในวันที่ 5 ก.ย. นี้จะมีการพูดคุยกันภายในพรรคประชาธิปัตย์ และขึ้นอยู่กับว่าได้รับการจัดสรรเวลาเท่าไหร่ 

สำหรับนโยบาย ถ้าเปิดโอกาสให้มีการพูดคุยกันอย่างเต็มที่ ก็จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ที่ได้ตรวจสอบนโยบายได้สะท้อนความรู้สึก รัฐบาลก็ได้ประโยชน์ในการรับฟังและนำไปปรับปรุงแก้ไข หรืออย่างน้อยที่สุดรัฐบาลก็จะได้อธิบายว่า ความตั้งใจของรัฐบาลต้องการที่จะทำอะไรบ้าง ในส่วนที่จะเป็นสัญญาประชาคมต่อไป เพราะการแถลงนโยบายต่อสภาถือเป็นข้อผูกมัดสำคัญ ที่จะบอกว่ารัฐบาลสัญญาว่าจะทำอะไรให้กับประเทศและประชาชนต่อไป และก็ต้องรักษาคำมั่นสัญญานั้น

อย่างไรก็ตามฟากฝั่งพรรคการเมืองฝ่ายค้านยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงการวางตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน เพราะมองว่ายังเร็วเกินไปรัฐบาล จะมีการถวายสัตย์ในวันที่ 5 ก.ย. นี้ หลังจากนั้นการทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรก็จะมีการพูดคุยกันต่อไป