วันที่ 10 ส.ค. 2565 ที่อาคารรัฐสภา พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีการปฏิบัติหน้าที่ประธานในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 13 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในวาระที่ 2 ซึ่งองค์ประชุมไม่ครบจนสภาล่มไป

โดย พรเพชร ชี้แจงว่า ในการนับองค์ประชุมครั้งแรกใช้เครื่องมือในการนับมีผู้เข้าร่วมประชุม 367 คน เกินกว่ากึ่งหนึ่งไป 3 คน จากนั้นมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยขอให้นำองค์ประชุมใหม่ ด้วยวิธีการขานชื่อ และอ้างเหตุผลว่ามีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน จากนั้นมีสมาชิกจากบางพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภา ขอให้มีการขานชื่อใหม่ แต่ผู้ที่เสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมคือสมาชิกจากพรรคเพื่อไทย ตนขอยืนยันว่าการขอให้ขานชื่นนำองค์ประชุมเป็นเอกสิทธิ์ของผู้เสนอตามข้อบังคับ และมีผู้รับรองถูกต้อง

พรเพชร ระบุว่า ตนในฐานะประธานฯ ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าหากปล่อยให้มีการถกเถียงกันในประเด็นดังกล่าวก็จะหาข้อยุติได้ยาก และเสียเวลา จึงเห็นว่าการให้นำองค์ประชุมนั้น มีข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่ทราบโดยทั่วไป ว่ามีสมาชิกรัฐสภาบางส่วนต้องการปล่อยให้ร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. ตกไป เพราะครบกำหนด 180 วัน และเกรงว่าประชาชนจะเข้าใจว่าการไม่เข้าประชุมนั้นเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา 

พรเพชร ย้ำว่า ในความเห็นของตน ที่ผ่านมามีน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย ที่สมาชิกรัฐสภาจะใช้วิธีการไม่เข้าเป็นองค์ประชุมเพื่อให้ร่างกฏหมายตกไป ตนจึงมีความเห็นว่าการไม่เห็นชอบกับกฎหมายใดแล้วไม่เข้าเป็นองค์ประชุมนั้น เป็นวิธีการหนึ่งที่สมาชิกรัฐสภาจะใช้ดุลยพินิจปฏิบัติเช่นนั้นได้หรือไม่ แน่นอนว่าย่อมขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของสมาชิกแต่ละท่าน ตนจึงได้ดำเนินการให้นำองค์ประชุมด้วยการขานชื่อตามที่สมาชิกจากพรรคเพื่อไทยได้เสนอไว้

ผลปรากฏว่า เมื่อถึงวาระของการลงมติในมาตราที่ 24/1 มีสมาชิกแสดงตนไม่ครบองค์ประชุม ขาดไปประมาณ 20 คน แสดงให้เห็นว่าสมาชิกหลายท่านใช้สิทธิในการไม่แสดงตน สมาชิกหลายท่านอยู่ในห้องประชุม แต่ไม่แสดงตนเพื่อลงมติ วิธีการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าสมาชิกบางส่วนไม่ใช้สิทธิโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ร่าง พ.ร.ป. ตกไป โดยประธานไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นดุลยพินิจของเขา

สำหรับ การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เหลือเพียงวันที่ 15 ส.ค. วันเดียวเท่านั้น สำหรับความเห็นของ ส.ว. ซึ่งกำลังประชุมวิปกันอยู่ ตนได้ทราบการตัดสินใจของวิปว่า มีร่างกฎหมายจำนวนมากบรรจุวาระไว้เรียบร้อยแล้ว หากมีการนัดประชุมวันที่ 15 ส.ค. ทางวุฒิสภาก็ต้องไปประชุมร่วมฯ แล้วหากในการประชุมสมาชิกไม่แสดงตัวเป็นองค์ประชุม ทำให้สภาล่มอีก งานหลายอย่างที่อยู่ในความดูแลของวุฒิสภา ก็จะเสียหาย เช่นร่างกฎหมายบางฉบับที่มีระยะเวลากำหนดเช่นกัน โดยตนจะได้นำความนี้กราบเรียนประธานรัฐสภาต่อไป

ส่วนกรณีที่ตนได้สั่งพักการประชุมประมาณ 2 นาที พรเพชร กล่าวว่า ตนนั่งประชุมมา 4 ชั่วโมง ท่านคงทราบอยู่แล้วว่าผู้ชายอายุ 70 ปี ต้องเข้าห้องน้ำด้วยความถี่เท่าไหร่ ตนจึงหาจังหวะที่เหมาะสม เพราะไม่รู้ว่าจะต้องนั่งไปอีกนานเท่าไหร่ จึงต้องใช้โอกาสตอนที่สมาชิกฯ พิจารณาใกล้จะเสร็จ ขอพักประชุมประมาณ 2 นาที แต่มีบางสื่อกล่าวหาว่า ตนพักการประชุมไปรับคำสั่ง ไปโทรศัพท์ถึงคนโน้นคนนี้

จากนั้น พรเพชร ได้นำพระเครื่องออกมาบูชา พร้อมสาบานต่อพระพุทธรูป และพระสยามเทวาธิราชที่ประดิษฐานอยูในรัฐสภาแห่งนี้ พร้อมกล่าวว่า "ผมขอสาบานต่อหน้าพระพุทธรูปบูชาของผม พระสยามเทวาธิราชที่ประดิษฐานประจำสภาแห่งนี้ ว่ากิจกรรมของผมที่ไปเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะนั้น มีกิจกรรมนี้เพียงอย่างเดียว แล้วรีบกลับมาทันที หากผมได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา ขอให้ความวิบัติจงมีกับผมตลอดไป"

สำหรับสื่อที่ลงข่าวว่า ตนทำให้เสียหาย ตนไม่ติดใจ และไม่ต้องมาขอโทษ แต่ผู้ที่รู้ข้อเท็จจริงแต่ยังใส่ความบิดเบือนกล่าวหา พระสยามเทวาธิราชของอาคารที่ดินผืนนี้คงจะได้ตอบสนองความทุกข์ยากให้แก่ผู้ที่พูดไม่จริงบนแผ่นดินของรัฐสภา