วันที่ 19 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ชมรมแพทย์ชนบทออกมาเคลื่อนไหว ขอให้นายกรัฐมนตรี ลงจากตำแหน่งหลังครบวาระ 8 ปี โดยอ้างเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้า ว่า ก็เป็นการเคลื่อนไหวในนามส่วนตัว ชมรมแพทย์ชนบทก็เป็นเพียงองค์กรหนึ่งแต่ไม่ได้มีอะไรผูกพันกับกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้เป็นส่วนงานในกำกับดูแล ซึ่งเป็นเหมือนกับสมาคมที่ตั้งกันขึ้นมาเองคงใช้ความเป็นปัจเจกบุคคลในการทำความเห็นต่างๆ แต่กระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่ได้รับฟังอะไร ซึ่งรับฟังแล้วไม่เข้าท่า
ส่วนการออกมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้ เป็นการทำนอกเหนือขอบเขตด้านสาธารณสุขหรือไม่นั้น อนุทิน กล่าวว่า ตนเองไม่อยากไปตอบโต้ โต้เถียง เพราะอะไรที่เขียนมาแล้วไม่มีสาระ ไม่มีความหมาย ไม่มีความผูกพัน ไม่ให้ความสนใจอยู่แล้ว กระทรวงสาธารณสุขหรือรัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอยู่แล้ว และข้อความที่เขียนมามีมากมายก็ไม่ได้มีการปฏิบัติตามอยู่แล้ว จึงอย่าไปสนใจ แต่มองว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิเสรีภาพ ของใครก็ตามในฐานะประชาชน จะเขียนอะไรก็ได้ แต่ถ้าเข้าข่ายผิดวินัยข้าราชการ ก็มีผู้บังคับบัญชาดูแลจัดการไปเท่านั้นเอง
ขณะที่การออกมาเคลื่อนไหวของชมรมแพทย์ชนบทจะเป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ในการพิจารณาวินิจฉัยวาระครบ 8 ปีของนายกฯ หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า จะกดดันใครได้ ไม่มี เพราะรัฐบาลทำงาน ซึ่งก็ไม่ใช่ชมรมนี้ชมรมเดียวที่ออกมากดดันนายกรัฐมนตรี พวกที่ออกมากดดันนายกรัฐมนตรีก็มีเช่นเดียวกับผู้ที่ออกมาสนับสนุนนายกรัฐมนตรี โดยตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็ยังสนับสนุนนายกรัฐมนตรี ในความเป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการสอบถามเกี่ยวกับการออกมาเคลื่อนไหวของชมรมแพทย์ชนบทหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มีการสอบถามในประเด็นนี้ "เรื่องแค่นี่ ท่านไม่ยี่หระหรอก" โดยยกตัวอย่าง หากเกิดมีอธิบดีกรมควบคุมโรค มาเขียนด่ารัฐบาลแบบนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และยังได้หันไปถาม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ว่าที่ปลัด สธ.คนใหม่ ว่าเคยทำหรือไม่ ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรคตอบว่า "ไม่เคยทำ"
ส่วนจะให้ทางปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ไปตักเตือนหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ถ้าไม่เกี่ยวกับงาน ก็เป็นสิทธิเสรีภาพ ซึ่งก็เข้าใจตรงนี้ เขาก็ทำหน้าที่ของเขาเราก็ทำหน้าที่ของเราเขา ก็ทำหน้าที่ของเขา ใครทำอะไรไว้ก็มีผลของการกระทำนั้นทุกคนทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วเป็นปกติอยู่แล้ว
ส่วนการเตรียมยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้น อนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อฉบับแก้ไข ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเตรียมพิจารณา ส่วนการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากประกาศให้โควิด-19โรคเฝ้าระวังในวันที่ 1 ต.ค. เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ยกเลิก ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะต้องมีการเตรียมตัวอย่างเต็มที่โดยสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในวันนี้จะมีการลดระดับจากโรคติดต่อร้ายแรงลงสู่โรคติดต่อที่เฝ้าระวัง หากจะมีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็น่าจะสอดคล้องกับสถานการณ์ทุกอย่าง ซึ่งถ้าหาก พ.ร.บ.โรคติดต่อฉบับแก้ไขไม่แล้วเสร็จก็จะต้องใช้กฎหมายเดิมที่บังคับใช้อยู่
พร้อมย้ำว่า เมื่อสถานการณ์ปัจจุบันมีทั้งวัคซีนและยาเวชภัณฑ์ ซึ่งอัตราการเข้ารับการรักษาและเสียชีวิตลดลง เพียงร้อยละ 0.2 ก็เข้าข่ายเหมือนโรคอื่นๆทั่วไป จึงหมายความว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ โควิด-19 ได้ ดังนั้นทุกอย่างจะผ่อนคลายลงก็ต้องมีการเปิดมาตรการต่างๆให้เสรีมากขึ้น และลดระดับมาอยู่ที่การเฝ้าระวังและทำความเข้าใจและทำความเข้าใจกับประชาชนให้ป้องกันตนเองจากโรคระบาด และเมื่อยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วจะต้องมีการยุบ ศบค.ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ก็จะต้องเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลในการดูแล ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ผ่านมาเป็นการเกิดที่ไม่ปกติ จึงต้องมีการบูรณาการทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาให้สถานการณ์ดีขึ้น เมื่อสถานการณ์เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นแล้วก็จะต้องกลับมาสู่ภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขที่มีอยู่