ไม่พบผลการค้นหา
ธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ชี้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ล้มเหลวในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน การไร้ธรรมาภิบาล และปัญหาเศรษฐกิจ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศตัวเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัวว่า ขอแสดงความยินดีและต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาสู่เวทีทางการเมืองอย่างเต็มภาคภูมิ

นายธนา กล่าวว่า การบริหารประเทศตลอด 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ 3 เรื่อง คือ การทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหาการไร้ธรรมาภิบาล และปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน รัฐบาลอ้างมาตอลดว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้มีการทุจริตคอร์รัปชันอย่างมาก จนนำไปสู่การยึดอำนาจ และการร่างรัฐธรรมนูญ ก็มีการพูดจากันว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจน ในการยึดมั่นปราบปรามการทุจริต 

ที่เห็นได้ชัด คือ กรณีที่สื่อมวลชนและภาคประชาชนกดดันให้มีการตรวจสอบการถือครองนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่พล.อ.ประยุทธ์ กลับตอบคำถามสื่อมวลชนที่พยายามซักถาม ขอให้ลดราวาศอก 

นอกจากนั้น ยังมีการลดกฎเกณฑ์และเงื่อนไขการแสดงบัญชีทรัพย์สินของผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญซึ่งถือเป็นหลักประกันอย่างหนึ่งของประชาชน ในการที่คนที่จะเข้ามาสู่อำนาจหรือตำแหน่งที่มีเรื่องเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับใช้อำนาจตามมาตรา 44 เลื่อนระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมาย แสดงให้เห็นว่าจุดยืนในการตรวจสอบการทุจริต ไม่ได้เป็นจุดยืนที่แท้จริงของรัฐบาลชุดนี้ สอดรับกับข้อมูลที่ระบุว่าตัวเลขการทุจริตสูงกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา

“รัฐบาลนี้ ตำหนิรัฐบาลในอดีตที่ผ่านๆ มา แต่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า เชื่อมั่นในหลักธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง แม้กระทั่งรัฐมนตรี 4 คน ที่ไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคที่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หลังจากการเลือกตั้ง ก็อาศัยช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง ทำงานการเมืองเอาเปรียบพรรคอื่น ส่วนการออกนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ไม่ได้ทำอย่างยั่งยืน แต่เป็นการทำเพื่อหวังผลคะแนนเสียง ขาดซึ่งธรรมาภิบาลและมารยาททางการเมือง” นายธนากล่าว 

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่หนักที่สุด และทุกภาคส่วนยอมรับว่าเป็นปัญหา นั่นก็คือ ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศเมื่อปี 2557 ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำทุกตัว ไม่มีมาตรการที่จะแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ทำได้เพียงแค่ประคับประคองให้ผ่านพ้นไปในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น 

ที่ผ่านมา พิสูจน์ชัดว่ารัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้มีความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะปัญหาหนี้ครัวเรือนก่อนที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามานั้น อยู่ที่ 10.2 ล้านล้านบาท แต่ 4 ปีครึ่งที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 12.34 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านล้านบาท เป็นการยืนยันให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลล้มเหลวโดยสิ้นเชิงต่อการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน

"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แจ้งว่า ตัวเลขคนจนขณะนี้ มี 11 ล้านคนเศษ แต่ตัวเลขที่สามารถยืนยันได้เวลานี้ พุ่งสูงถึง 14 ล้านคน เพราะฉะนั้นสอดรับกับสิ่งที่รัฐบาลระบุว่า จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือสวัสดิการของคนจน เนื่องจากว่าคนจนจะตายอยู่แล้ว แสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลนี้ไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม" นายธนากล่าว

นายธนา แถลงด้วยว่า 4 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารราชการแผ่นดิน สามารถสั่งโยกย้ายข้าราชการหรือดำเนินการในเรื่องใดก็ตามที่มีคนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ตามมาตรา 44 เพราะฉะนั้น วันนี้ ประชาชนจึงเรียนถามไปยังพล.อ.ประยุทธ์ว่า การที่ตัดสินใจลงมาเล่นการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จะสร้างความมั่นคงให้กับประเทศนี้ได้อย่างไร ในขณะที่ 4 ปีที่มีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้เลย แต่วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มาเสนอตัวเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้ง ประชาชนจะอยู่อย่างไร ซึ่งถือเป็นคำถามของประชาชน ในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัว