เวิร์คพอยท์ ทุ่มงบ 150 ล้านบาท สร้างสตูดิโอใหม่  หลังจากช่อง 1 เวิร์คพอยท์  มีเรทติ้งเป็นอันดับ 4  เตรียมปรับค่าโฆษณาเพิ่มอีกเท่าตัว  ส่วนปีหน้า  ตั้งเป้ารายได้ แตะ 3 พันล้านบาท       

นายปัญญา  นิรันดร์กุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้า(58) บริษัทจะใช้งบลงทุน 150 ล้านบาท  เพื่อสร้างสตูดิโอใหม่บนที่ดินเดิม  และลงทุนอุปกรณ์ใหม่อีก 90 ล้านบาท  รองรับการผลิตรายการวาไรตี้ใหม่ๆ ด้วยตัวเองมากขึ้น  คาดว่าจะใช้งบผลิตรายการ ประมาณ 500-600 ล้านบาทต่อปี  ส่วนการซื้อรายการจากต่างประเทศจะลดลงบ้าง  จากที่ผ่านมาซื้อคอนเทนต์ต่างประเทศแล้ว  400 ล้านบาท  ยังมีคอนเทนต์ ใช้ได้อีก 2-3 ปี   

นอกจากนี้ จะเจรจากับผู้ผลิตที่สนใจนำรายการป้อนช่อง หากมีฝีมือและคุณภาพ ทั้งข่าว , วาไรตี้  , บันเทิง  และละครซิตคอม  ซึ่งปีหน้า จะมีรายการใหม่กว่า 20 รายการ ทั้งช่วงไพรม์ไทม์ และ นอนไพรม์ไทม์  

นอกจากนี้ ได้ถอดผังรายการที่ออกอากาศทางช่อง 5 ทั้งหมด 5-6 รายการ มาออกอากาศในช่องเวิร์คพอยต์  และรายการจากช่อง 9 อีก 1-2 รายการ  เนื่องจากเรทติ้งช่องอนาล็อกมีแนวโน้มลดลง  ส่วนทางกับเวิร์คพอยท์ ที่เพิ่มขึ้น  อีกทั้งช่อง 5 จะต้องปรับผังรายการสู่รูปแบบทีวีสาธารณะ ภายใน 5 ปี      

นายปัญญา กล่าวว่า จากผลสำรวจเรทติ้ง พบว่า ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ช่อง 1 เวิร์คพอยท์  เป็นอันดับที่ 4 ของทีวีทั้งหมด  รวมช่องอะนาล็อกคู่ขนานและทีวีดิจิตอลใหม่  และล่าสุด ในเดือนพฤศจิกายนนี้  ช่อง 1 เวิร์คพอยท์  ก็ยังสามารถก้าวขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 แซงช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี  ได้แล้ว      

ขณะที่รายได้ของช่อง 1 เวิร์คพอยท์ ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้  เพิ่มขึ้น 102% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  และรายได้ต่อไตรมาสเพิ่มขึ้นเกิน 90%  เนื่องจากเรทติ้งที่เพิ่มขึ้น  ทำให้ในปีหน้า เวิร์คพอยท์  เตรียมปรับขึ้นค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นเท่าตัว  หรือเฉลี่ยนาทีละ 6 หมื่น - 2 แสนบาท  เท่ากับฟรีทีวีอนาล็อกปัจจุบัน   

ทั้งนี้  เวิร์คพอยท์ คาดว่าปีนี้ รายได้ของช่อง 1 เวิร์คพอยท์ จะมีประมาณ 1 พัน 8 ร้อยล้านบาท  และทั้งปีจะแตะ 2 พัน 3 ร้อยล้านบาท  ส่วนปีหน้า ตั้งเป้ารายได้ที่ 3 พันล้านบาท  คาดว่ากำไรอยู่ที่ 7-8%  และคาดว่าจะมีกำไร  400 ล้านบาท ภายใน 4 ปี      

ปัจจุบัน ช่อง 1 เวิร์คพอยท์ มีส่วนแบ่งตลาดในแง่จำนวนผู้ชม ประมาณ 5%  และมีส่วนแบ่งด้านเม็ดเงินโฆษณาเพียง  1%  จึงมีโอกาสอีกมากในการสร้างรายได้ จากฐานมูลค่าตลาดโฆษณาทางทีวี ที่มีกว่า 7 หมื่นล้านบาท