อุตสาหกรรมการส่งออกของจีนเผชิญภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
เว็บไซต์ CNN Money รายงานว่า อุตสาหกรรมการส่งออกของจีนกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยขณะนี้ภาคการส่งออกของจีนโตไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา น้อยกว่าในเดือนก่อนหน้าที่ภาคการส่งออกมีอัตราการโตอยู่ที่มากกว่า 12 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านการส่งออกของจีนที่ตกต่ำลงกว่ามาตรฐานของปีนี้ได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่ถือว่าเป็นจุดที่ตกต่ำที่สุด เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า ในอีกหลายเดือนถัดจากนี้ไปสถานการณ์จะยิ่งย่ำแย่ลง เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงง่าย ๆ โดยล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้กล่าวอย่างเป็นทางการว่าเขากำลังจะขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนระลอกใหม่ ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงถึง 267,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 8 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว
นอกเหนือจากการขึ้นภาษีนำเข้าครั้งใหม่แล้ว ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของสหรัฐฯยังจะส่งผลต่อการเก็บภาษีเพิ่มกับสินค้าที่สหรัฐฯ ได้นำเข้ามาแล้วจากจีนในปี 2017 คิดเป็นมูลค่ากว่า 505,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 16 ล้านล้านบาทอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง นักวิเคราะห์จากธนาคารด้านการลงทุนอย่าง Nomura จึงคาดการณ์ว่าหลายเดือนต่อจากนี้ไป มีความเป็นไปได้สูงมากว่า จีนจะต้องเผชิญกับอัตราการโตของอุตสาหกรรมการส่งออกที่ต่ำว่า 10 เปอร์เซ็นต์เป็นเลขตัวเดียว หรืออาจเลวร้ายถึงขั้นติดลบเลยก็ได้เช่นกัน