รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 4 มีนาคม 2563
นักศึกษา “ม.รามคำแหง 2” ถามคนประเวศ พร้อมไล่ #ผนงรจตกม ประกาศมุ่งหน้าราชดำเนิน ไม่ต่างจาก ม.วลัยลักษณ์ ซ้อมปราศรัยใหญ่ ท่ามกลางข่าว “แกนนำเด็ก” เริ่มถูกคุกคาม แต่น่าเศร้าเมื่อ “อ.วิโรจน์ – คำผกา” มองท่าที “ผู้ใหญ่” ที่ผ่าน 6 ตุลา 19 ด้วยการเป็นแกนนำนักศึกษา แต่กลับมองการแสดงออกของนักศึกษาสวนทางกับที่ตัวเองเคยขับเคลื่อนมา นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง2 จัดชุมนุม #ชาวประเวศเนรเทศเผด็จการ รวมตัวบริเวณหน้าอาคารอำนวยการ โดยหนึ่งในแกนนำนักศึกษาขึ้นปราศรัย กล่าวว่า / แม้พลังวันนี้ จะไม่ใช่คนจำนวนมาก แต่เป็นพลังแห่งความกล้าหาญ ที่ชาวเขตประเวศ ได้ออกมาแสดงจุดยืน ขณะเดียวกัน ภูมิใจที่จัดงานและมีประชาชนมาร่วมแสดงพลัง ซึ่งไม่เคยเห็นภาพนี้มา 5-6 ปีแล้ว พร้อมตั้งคำถามด้วยว่า เศรษฐกิจการค้าขายในช่วงเวลาดังกล่าวยังดีอยู่หรือไม่รายได้ที่รับพอยังชีพหรือไม่ และตั้งคำถามด้วยว่า ภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พี่น้องชาวประเวศว่า พี่น้องรู้สึกอย่างไรกับสภาพเศรษฐกิจ เพราะวันนี้หากเราไม่ตายเพราะพิษเศรษฐกิจเราก็ตายเพราะโคโรน่า หากเราไม่ตายเพราะโคโรน่า เราก็คงสำลักฝุ่นตาย โดยเชื่อว่าวิกฤต ทั้ง 3 อย่าง ไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะคร่าชีวิตเราไป แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าวิกฤต 3 เรื่อง คือผู้นำโง่จะพาเราตายกันหมด ดังนั้นหวังว่าจะได้พบพี่น้องประชาชนอีกครั้งที่ราชดำเนิน ซึ่งนักศึกษาจะรวมพลังครั้งใหญ่ วันนี้เห็นความหวัง เห็นพลังของคนหนุ่มสาวที่จะมีอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้า ได้มีส่วนสำคัญในการผลักดันประเทศ ขอผู้มีอำนาจอย่าฉุดรั้งประเทศ อีกเลย ขอให้คนรุ่นใหม่ได้กำหนดอนาคตของตัวเอง วันนี้เปรียบเสมือนการจุดเทียน 1 เล่ม เหลืออีก 49 เล่ม ที่รอการจุด ซึ่งเชื่อว่าเทียนที่เขตประเวศจะส่องสว่างไปถึงอีก 49 เขต และพร้อมขับเคลื่อนที่ราชดำเนิน ขณะที่ ม.วลัยลักษณ์ จัดงาน “ซ้อมปราศรัยใหญ่” บริเวณ ลานไทร ของมหาวิทยาลัยโดยผู้เข้าร่วมงานนำกระดาษ ข้อความ เขียนระบายความในใจ และมีส่วนหนึ่งสลับ ขึ้นปราศรัย พร้อมมีแถลงการณ์ ระบุว่า กว่า 5 ปีที่ผ่านมาของประเทศไทย สะท้อนถึงความไร้ความสามารถและประสิทธิภาพของรัฐบาลในทุกด้าน สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษา แห่งประเทศไทย ศูนย์ประจำมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มีข้อเรียกร้อง ดังนี้ 1. ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ ให้เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชน โดยประชาชนชนเป็นผู้เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งนี้ สสร. ชุดใหม่จะต้องเป็นผู้ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารมาก่อน 2. นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต้องลาออกทั้งคณะ ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะทหารที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ยุติบทบาททางการเมืองโดยทันที 3. ยกเลิกและยุติบทบาทขององค์กรอิสระ หน่วยงาน และบุคคล ทั้งหมด ที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมีที่มาจากรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ว. ลากตั้ง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งแต่งตั้งโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตอบสนองต่อที่มาของพวกเขา มากกว่าประชาชนผู้เสียภาษี 4. คณะรัฐประหารและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและได้รับการลงโทษตามกฎหมาย ทหารต้องยุติบทบาททางการเมืองและกลับเข้าสู่กรมกองโดยทันที ยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องตัวบุคคล พลเอกประยุทธ์ เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากระบบการเมืองที่ผิดเพี้ยนและทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบประยุทธ์” ขึ้นมา ดังนั้นการแก้ไขปัญหา จึงไม่ใช่เพียงการเอาตัวบุคคลออกไปอย่างเดียว แต่คือการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปการเมืองทั้งระบบ วันที่ 5 มี.ค. 63 นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา จะจัดแฟลชม็อบ เวลา 17.00 น. ข้างหอประชุมใหญ่ ของมหาวิทยาลัย