กลุ่มคนอยากเลือกตั้งเดินหน้าจัดกิจกรรมถอนราก คสช.ภาค 2 ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เรียกร้องกองทัพหยุดสนับสนุน คสช.
นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจนายจตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน พร้อมกับมาสังเกตการณ์การพิจารณาคดีของไผ่ด้วย ซึ่งเมื่อมาถึง จ่านิวได้เข้าเยี่ยมและพูดคุยกับไผ่ทันที โดยใช้เวลาในการพูดคุยกับไผ่ประมาณครึ่งชั่วโมง
จ่านิว เปิดเผยว่า วันที่ 24 มีนาคมนี้ จะมีการเดินขบวนไปที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เพื่อเรียกร้องให้กองทัพบกหยุดสนับสนุน หยุดทำงานให้ คสช. ข้อเรียกร้องก็คือ ให้ยุติ คสช. เป็นเพียงรัฐบาลการรักษาการเพื่อจะนำไปสู่การเลือกตั้ง
“วันนี้ผมมาเยี่ยมไผ่ พร้อมมาสังเกตการณ์การพิจารณาคดีของไผ่ด้วย ก็เลยได้เดินทางเข้ามาที่นี่ในวันนี้ซึ่งเมื่อสักครู่นี้ก็ได้เจอไผ่ ได้เข้าไปเยี่ยม จากการพูดคุยก็มีการถามสารทุกข์สุกดิบและคุยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันในบางเรื่อง และก็ได้เล่าให้ไผ่ฟังว่า ทางเราจะมีการดำเนินกิจการกิจกรรมอะไรต่อไป ซึ่งตอนนี้ที่ได้คุยกับไผ่กำลังใจของไผ่ดีขึ้นมาก ไผ่ก็บอกว่ากำลังใจตอนนี้ดีมาก ในส่วนของคดีนี้ไผ่บอกว่าเขาถูกจำคุก ได้ผ่านไปแล้วครึ่งทาง เหลืออีก 1 ปี 3 เดือน ซึ่งไผ่ก็มีความหวังว่าจะได้ออกมาต่อสู้ ออกมาขับเคลื่อน ซึ่งคดีก็เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และในวันที่ 29 ก็จะมีการฟังคำพิพากษาของคดี ศาลจังหวัดภูเขียวด้วย ซึ่งไผ่ก็รอฟังคำพิพากษาอย่างเดียว และยังไม่แน่ใจว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ทิศทางใด” จ่านิวกล่าว
จ่านิวกล่าวต่อว่า ในส่วนกิจกรรมของผมที่ทำอยู่ ยังไม่มีแผนกำหนดการที่จะมาที่จังหวัดขอนแก่น แต่ต้องรอดูอีกครั้งหนึ่ง กิจกรรมต่อไปเป็นวันที่ 24 มีนาคม เรื่อง ถอนราก คสช. และจะมีการเดินขบวนไปที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เพื่อเรียกร้องให้กองทัพหยุดสนับสนุน หยุดทำงานให้ คสช. ข้อเรียกร้องก็คือให้ยุติ คสช. ให้เหลือแค่รัฐบาลรักษาการเพื่อจะนำไปสู่การเลือกตั้ง
ซึ่งหลังจากนี้อาจจะมีการเดินไปที่กองทัพเรือ กองทัพอากาศ เพราะว่าทุกกองทัพก็สนับสนุนและก็ทำงานให้ คสช.ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ถึงเวลาควรที่จะถอยตัวเองออกกลับไปหน้าที่ของตัวเองของทหารที่แท้จริง ไม่เป็นทหารการเมืองอย่างที่เป็นอย่างทุกวันนี้ ซึ่งวันที่ 24 ที่จะเดินทางไปกองทัพบกก็มีมวลชนตอบรับมาจากหลายเครือข่าย ที่รู้จักกันก็ยินดีที่จะมาร่วมกิจกรรม แต่บางส่วนที่มีความกังวลเรื่องอาจถูกดำเนินคดี เนื่องจากตอนนี้ยังมีประกาศคำสั่ง คสช.อยู่
การจัดกิจกรรมแต่ละครั้งตัวผมไม่มีความกังวลใดๆ ทั้งสิ้น จะมีกังวลก็คือเรื่องฝ่ายตรงข้าม ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก และตรงนี้เป็นเรื่องปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งทหาร ตำรวจ เราพอคาดเหตุการณ์ได้ว่าตำรวจและทหารจะทำอย่างไรต่อไป แต่ฝ่ายตรงข้ามที่เข้ามาเป็นม็อบที่ต้องการเข้ามาชนม็อบ อันนี้เราไม่แน่ใจว่าจะเกิดความรุนแรงถึงระดับไหน ฝั่งเราหนี เราไม่สร้าง เรายึดหลักแนวทางสันติวิธี
“หากมีการเกิดเหตุการณ์รุนแรงก็คงต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจ ในฐานะที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองอยู่แล้ว ในกลุ่มของเรา เราก็พยายามป้องกันบอกว่าป้องกันการยั่วยุให้เราอดทนอดกลั้น ไม่ไปปะทะ และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าให้มากที่สุด ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของตำรวจ” จ่านิวกล่าว