ตลาดความงามของไทย ยังคงมีการแข่งขันต่อเนื่อง ล่าสุดร้าน Sasa เตรียมเข้ามาตั้งสาขาในไทยแล้ว ขณะที่ผู้ประกอบการระบุ พื้นที่เปิดร้านสุขภาพและความงาม ในพื้นที่ไพร์มโลเคชั่นใกล้เต็มแล้ว
เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า ร้าน"ซาซ่า" (Sasa) เชนร้านความงามรายใหญ่จากฮ่องกง เตรียมเข้ามาเปิดสาขาในไทย เนื่องจากมองเห็นโอกาสของตลาดที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และแนวทางธุรกิจที่ต้องการขยายการลงทุนเข้ามาในภูมิภาคนี้มากขึ้น หลังมีร้านสุขภาพและความงามจากต่างประเทศร่วมมือกลุ่มธุรกิจไทยในการเปิดสาขา เช่น มัตสึโมโต้ คิโยชิ ,โอเกนกิ , ซูรูฮะ, เซโฟร่า เป็นต้น
นายหิรัญ ตันมิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีฟ แอนด์ บอย จำกัด กล่าวว่า ร้านค้าปลีกความงามมัลติแบรนด์ที่มีตัวเลือกหลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ภายในการมาช็อปครั้งเดียว และธุรกิจความงามที่ยังเติบโตสูง ทำให้มีผู้ประกอบการเข้ามาทำตลาดและมีการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้สินค้าของร้านซาซ่าที่ฮ่องกงจะมีจุดขายที่ราคาพิเศษ แต่เมื่อมาขายในไทย โครงสร้างทางภาษีจะทำให้ราคาไม่แตกต่างจากราคาตลาด โดยภาษีสินค้านำเข้าประเภทเครื่องสำอางและน้ำหอม สูงถึง 30-40%
ด้านนายพงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แบรนด์ใหญ่ที่เป็นผู้นำอันดับ 1-2 มีการขยายสาขาจำนวนมาก และยึดพื้นที่ทำเลดีไปหมดแล้ว และซาซ่า ยังเน้นขายสินค้าเคาน์เตอร์แบรนด์ ที่ลูกค้าสามารถเดินเลือกซื้อได้เอง ซึ่งพฤติกรรมคนไทย ยังคาดหวังบริการจากพนักงานเมื่อซื้อสินค้าระดับดังกล่าว
"ซาซ่า" เป็นเชนร้านเครื่องสำอางของฮ่องกง อายุ 37 ปี มีความโดดเด่นในการเป็นแหล่งชอปปิงสินค้าบิวตี้ที่ครบครัน อาทิ เครื่องสำอาง น้ำหอม ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและผิว ไปจนถึงอาหารเสริม รวมกว่า 600 แบรนด์ โดยขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ อาทิ จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และมาเลเซีย ปัจจุบันมี 280 สาขา
ส่วนตลาดค้าปลีกความงามสุขภาพในไทย มีมูลค่า 20,000 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี และมีการแข่งขันที่รุนแรง
Source :
- https://www.youtube.com/watch?v=ssOES29KscU
- https://www.youtube.com/user/sasadotcom/videos
- http://www.sasa.com/