โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการแบนสายการบินและคนที่มาจากประเทศมุสลิม 6 ประเทศมาประมาณ 2 เดือนแล้ว ธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวก็ได้เห็นผลกระทบจากมาตรการนี้ชัดเจนขึ้น เมื่อมีคนเดินทางไปเที่ยวสหรัฐฯ น้อยลงเรื่อยๆ
ชีค อาเหม็ด บิน ซาอีด อัล มักทูม ผู้บริหารสายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์สเปิดเผยว่า กำไรของสายการบินตกลงฮวบลงมาถึงร้อยละ 82 ในปีงบประมาณที่เพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมายในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งประชามติเบร็กซิต การก่อการร้ายในยุโรป อุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊ส รวมถึงการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และออกมาตรการห้ามคนจาก 6 ประเทศมุสลิมเข้าประเทศ ห้ามสายการบินของประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐฯ รวมถึงออกมาตรการเข้มงวดเกี่ยวกับการนำสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆขึ้นเครื่องบิน
ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้อุตสาหกรรมการบินได้รับผลกระทบอย่างมาก เช่นเดียวกับเอมิเรตส์ และผู้บริหารเอมิเรตส์ก็คาดการณ์ว่า ปี 2017-2018 จะเป็นปีที่ยากลำบากปีอีกด้วย เพราะการแข่งขันสูงขึ้นและความผันผวนของตลาดจะกระทบทั้งต้นทุนการบินและความต้องการท่องเที่ยวของนักเดินทาง
แม้ปีก่อน เอมิเรตส์จะทำกำไรได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,900 ล้านดอลลาร์ และทำให้รัฐบาลได้รับเงินส่วนแบ่งไปถึง 681 ล้านดอลลาร์ แต่กำไรที่หดลงมากในปีล่าสุดทำให้เอมิเรตส์ตัดสินใจไม่จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1996
อย่างไรก็ตาม นโยบายของนายทรัมป์ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสายการบินจากประเทศมุสลิมเท่านั้น แต่ธุรกิจการบินและโรงแรมของสหรัฐฯ เองก็ได้รับผลกระทบมาก จนต้องหั่นราคาค่าบริการกันลง โดยฟอร์เวิร์ดคียส์ บริษัทซอฟต์แวร์ด้านการท่องเที่ยวระบุว่า เพียงสัปดาห์แรกที่นายทรัมป์ประกาศแบนมุสลิมเมื่อเดือนมกราคม การจองเที่ยวบินไปยังสหรัฐฯ ก็ลดลงถึงร้อยละ 6.5 แล้ว และยอดการค้นหาเที่ยวบินไปสหรัฐฯในแอพพลิเคชั่น ฮอปเปอร์ก็ลดลงร้อยละ 17
ขณะที่สมาคมการท่องเที่ยวธุรกิจโลกประเมินว่า ปีนี้จะมีคนเดินทางไปสหรัฐฯ น้อยลงจากปีที่แล้ว 4,300,000 คน จากประมาณ 8,000,000 คน ลงมาเหลือประมาณ 3,700,000 ล้านคน ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ สูญเสียรายได้ไปประมาณ 7,400 ล้านดอลลาร์
ด้านดารา โคสโรวชาฮี ซีอีโอของเอ็กซ์พิเดีย เอเจนท์แพ็กเกจท่องเที่ยวออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดเตือนว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสหรัฐฯ จะเผชิญกับความยากลำบากในปีนี้ เธออธิบายว่า คนสนใจไปท่องเที่ยวสหรัฐฯ กันน้อยลง เพราะค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและนโยบายที่ทำให้ชาวต่างชาติรู้สึกว่าไม่ได้รับการยอมรับ จนเกิดปฏิกิริยาตอบสนองเป็นการต่อต้านสหรัฐฯ ดังนั้น หากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสหรัฐฯ ไม่พยายามลดราคาลง เพื่อให้จำนวนนักท่องเที่ยวไม่ลดลงจากเดิมมาก ก็ต้องยอมให้มีคนเข้าไปท่องเที่ยวสหรัฐฯน้อยลง ซึ่งจากการวิเคราะห์ธุรกิจของเอ็กซ์พิเดียเองเห็นว่าจะออกมาในรูปของการลดราคาลงมากกว่า